นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า จากวิกฤตการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจในเครือต้องปิดทำการกว่า 80% ของพื้นที่ขายทั้งหมดเป็นระยะเวลามากกว่าครึ่งของไตรมาสสอง (46 วันจาก 91 วัน) ซึ่งหากเทียบแล้วในช่วงเวลาแห่งความท้าทายดังกล่าว ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทต้องลดลงกว่า 50 % ในช่วงเวลาที่ผ่านมาแต่ด้วยความมุ่งมั่นของเราที่ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกค้ายังคงได้รับบริการและประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ดีเช่นเดิมผ่านแพลตฟอร์มออมนิแชแนลที่เราพัฒนามากว่าสามปีทำให้ยอดขายในไตรมาสสองของปี 2563 ประกอบกับปัจจัยลบต่างๆทั้งการหดตัวของภาคการท่องเที่ยวและกำลังซื้อที่อ่อนแรงของผู้บริโภค ส่งผลให้รายได้รวมในไตรมาสสองอยู่ที่ 41,376 ล้านบาท ลดลง 21 % และขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 2,519 ล้านบาท ลดลง 243 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนในขณะที่รายได้รวมในช่วงหกเดือนแรกของปี 2563 อยู่ที่ 95,661 ล้านบาท ลดลง 10 % และขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 1,629 ล้านบาท ลดลง 139 %
“ในช่วงวิกฤตโควิด-19ที่ผ่านมาสิ่งสำคัญที่ทำให้ธุรกิจยังสามารถดำเนินต่อได้อย่างมั่นคงนั่นคือการสนับสนุนอันดีจากลูกค้าและพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจและความร่วมมือร่วมใจของพนักงานทุกคนที่มุ่งมั่นทำงานอย่างหนักพร้อมปรับวิธีการทำงานเพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้าตลอดจนกลยุทธ์ทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ทั้งการบริหารต้นทุน การลงทุน และค่าใช้จ่าย รวมไปถึงการเสริมสภาพคล่องอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดทำให้ CRC สามารถฟื้นตัวกลับมาทำกำไรได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมาธุรกิจของเราทั้งในประเทศไทย เวียดนามและอิตาลีกลับมามียอดขายเทียบเท่าช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 และผลกำไรโดยรวม (EBITDA) ของบริษัทฯก็กลับมาเป็นบวกด้วยเช่นกัน”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวต่อว่า CRC เรายังมองเห็นโอกาสฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 นี้ พบได้จากสัญญาณบวกต่างๆ ทั้งนโยบายของภาครัฐและศักยภาพของทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ที่จะเข้ามาช่วยผลักดันเศรษฐกิจ ช่วยเหลือ SME และกระตุ้นการจ้างงานโดยเฉพาะแรงงานในภาคค้าปลีกและบริการที่มีมากกว่า 19 ล้านคนในระบบ
นอกจากนี้มาตรการด้านสาธารณสุขก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกันของคนไทยทุกภาคส่วนรักษาระเบียบและเฝ้าระวังไม่ให้การ์ดตกซึ่ง CRC เองก็พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับมาตรฐานด้านสุขอนามัยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นควบคู่ไปกับการสานต่อเจตนารมณ์ขององค์กรที่มุ่งมั่นช่วยเหลือชุมชน เกษตรกร SME และคนไทยทุกคนเพื่อที่จะผลักดันให้ประเทศไทยสามารถเดินหน้าต่อได้อย่างเข้มแข็งและก้าวผ่านสถานการณ์โควิด-19 นี้ไปได้พร้อมกัน