“เดอะมอลล์” วอนรัฐฟื้น “ช้อปช่วยชาติ” กระตุกกำลังซื้อ พยุง ผปก. ผุด EMJOY จับกลุ่มครอบครัว แง้มทุ่มพันล้าน รีโนเวต ดิ เอ็มโพเรี่ยม

วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2563

“เดอะมอลล์” วอนรัฐฟื้น “ช้อปช่วยชาติ” กระตุกกำลังซื้อ พยุง ผปก. ผุด EMJOY จับกลุ่มครอบครัว แง้มทุ่มพันล้าน รีโนเวต ดิ เอ็มโพเรี่ยม


นางสาวอรธิรา ภาคสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม และ ดิ เอ็มควอเทียร์ กล่าวว่า หลังคลายล็อกดาวน์และห้างสรรพสินค้าสามารถกลับเปิดให้บริการตามปกติได้แล้วจนขณะนี้ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกในย่านสุขุมวิทมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ขึ้นเพราะผู้บริโภคเริ่มมีความมั่นใจในการกลับมาเดินห้างและจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นสังเกตุได้จากศูนย์การค้าของเรามีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้นต่อเนื่องแล้วแต่ยังไม่ถึงปริมาณเท่าเดิมซึ่งปริมาณทราฟฟิกเดิมทั้ง 2 ศูนย์การค้ารวมกันอยู่ที่มากกว่า 1 แสนคนในวันธรรมดาและประมาณ 120,000–200,000 คนในวันเสาร์-อาทิตย์

โดยลูกค้าของห้างเราขณะนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยที่มีกำลังซื้อและคนต่างชาติที่ทำงานในไทยซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่สร้างรายได้ให้กับศูนย์เราทดแทนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาประเทศเราได้ในขณะนี้ส่งผลให้ร้านค้าลักซ์ชัวรี่บางแบรนด์มียอดขายที่ดีกว่าในช่วงก่อนโควิด-19 เนื่องจากลูกค้าคนไทยระดับบนที่ปกติไปช้อปปิ้งต่างประเทศแต่ขณะนี้ไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้จึงหันมาช้อปปิ้งแบรนด์เนมในไทยแทน

“ทางเรามั่นใจว่าหากไม่มีปัจจัยลบอะไรเกิดขึ้นอย่างเช่นการระบาดรอบ 2 เชื่อว่าการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคภายในประเทศน่าจะกลับสู่ภาวะปกติได้ในช่วงไตรมาส 4 อย่างแน่นอนแต่อาจจะยกเว้นกลุ่มร้านอาหารที่ต้องดูแลให้ความช่วยเหลือเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปทำอาหารเองหรือใช้บริการดีลิเวอรี่มากขึ้นทำให้รายที่ไม่เป็นเชนขนาดใหญ่เริ่มขาดสภาพคล่องดังนั้นเราก็อยากให้รัฐบาลออกมาตราการอะไรก็ได้ในการช่วยกระตุ้นให้เกินการบริโภคอย่างโครงการช้อปช่วยชาติเราก็อยากให้มีกลับมาในไตรมาสสุดท้ายช่วงปลายปีนี้เพื่อจะได้ช่วยเหลือเหล่าร้านค้าที่ยังได้รับผลกระทบอยู่”

นอกจากนี้บริษัทยังได้เตรียมงบลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท เตรียมทำการรีโนเวทครั้งใหญ่ในรอบ 5 ปี สำหรับศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียมโดยจะแบ่งออกเป็น 4 เฟสและน่าจะเริ่มดำเนินงานกลางปี 2564 แล้วเสร็จในปี 2565 ภายใต้รูปแบบใหม่ที่ออกแบบมาให้กลมกลืนกันระหว่างศูนย์การค้ากับห้างสรรพสินค้าเพื่อให้สอดรับกับยุคนิวนอร์มัลให้เป็นการช้อปปิ้งแบบไร้รอยต่อที่ไม่ใช่เพียงช้อปปิ้งคอมเพล็กซ์แบบเดิมอีกต่อไปแต่ยังคงโพซิชั่นแหล่งช็อปปิ้งระดับลักเซอรี่เช่นเดิมรวมถึงปรับไลน์อัพผู้เช่าและตกแต่งภายในใหม่ให้ทันสมัยมากขึ้น

ด้าน นางสุธาวดี ศิริธนชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม และ ดิ เอ็มควอเทียร์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าที่เข้าใช้บริการศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยมและ ดิ เอ็มควอเทียร์แบ่งสัดส่วนเป็นกลุ่มคนทำงาน 50% กลุ่มครอบครัว 30% และต่างชาติที่พำนักในประเทศไทยประมาณ 20%โดยกลุ่มคนเหล่านี้มีกำลังซื้อค่อนจข้างสูงโดยเฉพาะในกลุ่มครอบครัวที่มียอดการใช้จ่าย 1.6 หมื่นบาทต่อครอบครัวบริษัทจึงอยากพัฒนาพื้นที่เพื่อทำให้ผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าวเป็นอีกทางหนึ่งที่ทำให้มีการจับจ่ายและใช้เวลาอยู่ในศูนย์การค้ามากขึ้น 

ล่าสุดจึงได้ทุ่มงบกว่า 200 ล้านบาทเพื่อปรับพื้นที่ใหม่เปิดเป็น EMJOY ตามแนวคิดของศูนย์การค้าในการที่จะจัดทำพื้นที่ในส่วนของ Edutainment Mixed Use ในรูปแบบใหม่โดยเอ็มจอยโซนนี้พื้นที่ 6,000 ตารางเมตร ชั้น2 อาคารซี ดิ เอ็มควอเทียร์ ซึ่งพื้นที่นี้เดิมทีเป็นโซนไทยดีไซน์เนอร์แต่ย้ายไปที่ ดิ เอ็มโพเรี่ยม โดยโซน EMJOY นี้จะเป็นพื้นที่สร้างการเรียนรู้สำหรับเยาวชนรวบรวมสถาบันการศึกษาเสริมทักษะความรู้นอกตำราโดยแบ่งเป็น Category ต่างๆ ได้แก่ Brain Evolution, Art & Music, Dance & Sport, Kid Facility และ Café & Dining รวมทั้งหมด 18 แห่ง

ทั้งนี้คาดว่าหลังการเปิดบริการของ EMJOY จะส่งผลให้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์เพิ่มกว่า10-15 %รองรับความต้องการของกลุ่มครอบครัวได้อย่างเต็มที่รวมถึงเป็น Magnet สำคัญที่ดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆให้เข้ามาใช้บริการศูนย์การค้าโดยตั้งเป้าจำนวนลูกค้าหมุนเวียนบนพื้นที่ EMJOY ประมาณ 4.5 ล้านคนต่อปี อีกทั้งในช่วงครึ่งปีหลังนี้ได้วางงบตลาดรวมมากกว่า 100 ล้านบาทเพื่อใช้ในการส่งเสริมการขายจัดอีเวนต์รวมทั้ง 2 ศูนย์ฯและประมาณ 30 ล้านบาทจะใช้ในการโปรโมทพื้นที่ใหม่เอ็มจอยโซนโดยเฉพาะ



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ