จากกระแสโลกยุคดิจิตอลที่เข้ามามีบทบาทมากมายใน ปัจจุบันนี้ กับคนทุกเพศ ทุก วัย ที่หันมาใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์ก ไอแพด ไอพอด ไอโฟน ฯลฯ จนทำให้คุณพ่อ คุณแม่ยุคใหม่นำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปใช้เลี้ยงลูก ในการให้ลูกเล่นไม่ว่าจะเป็นดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม เป็นต้น จนอาจ จะทำให้ยุคนี้เหล่าบรรดาเด็กๆ อาจจะ รู้จักเจ้าพวก "ของเล่น" กันลดลง ประจวบกับสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนชะลอตัวขณะนี้ ทำให้การจับจ่ายใช้สอยของ คนเป็นพ่อแม่ก็ลดลงตามไปอีกด้วย
วีระพงษ์ กิจเลิศไพโรจน์ ผู้จัด การฝ่ายการตลาด บริษัท นิชิเวิร์ล จำกัด ผู้นำตลาดของเล่นยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าของเล่นแบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศ ร่วม กับ คิดส์ แพลนเน็ท ในเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป กล่าวว่า ภาพรวมตลาดของเล่นในช่วงที่ผ่านมาถือว่าอยู่ในสภาวะทรง ตัวไม่เติบโตมากเท่าไหร่นักรวมๆ แล้วไม่ถึง 10% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ ที่ไม่ค่อยดี ประชาชนมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น ค่า ครองชีพสูงขึ้น มีสภาวะหนี้ครัวเรือน บัตรเครดิตที่เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้อัตรา การเติบโตของตลาดของเล่นลดลงถ้าเทียบกับช่วงสถานการณ์ปกติจะเติบโต ราว 25-30%
"นอกจากนี้ ยังเกี่ยวกับเรื่องภาษี นำเข้าก็ยังเป็นปัญหาหลักอีกประการ ที่เก็บสูงถึง 10-20% ซึ่งต้องการให้รัฐบาลพิจารณาปรับลดภาษีลงมาเพื่อต่อสู้กับคู่แข่งต่างประเทศได้ เพราะอยากให้สนับสนุนของเล่นมากกว่านี้ไม่ใช่ มองว่าเป็นของฟุ่มเฟือย เนื่องจากที่จริงแล้วของเล่นเป็นของที่ใช้พัฒนาทักษะ เด็ก และให้เด็กได้มีกิจกรรมร่วมกับเพื่อน ครอบครัวด้วย ซึ่งเมื่อภาษีนำเข้าลดลงก็จะส่งผลดีต่อโครงสร้างราคาที่จำหน่ายในไทยที่จะถูกลงทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น ผู้ปกครองในทุกระดับชั้นก็จะสามารถ ซื้อของเล่นให้ลูกได้สะดวกขึ้น"
อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่บริษัทถือเป็นผู้นำสินค้าของเด็กเล่นมายาวนาน และ แต่ละแบรนด์ที่บริษัทนำเข้าสู่ตลาดก็สามารถตอบสนองได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งเด็กชาย เด็กหญิง และครอบครัว เนื่องจาก มีสินค้าของเล่นที่มีคุณภาพจากแบรนด์ดังๆ เช่น Mattel, Auldey, Little tike, Magabloks, Silverlit เป็นต้น ล่าสุดบริษัทได้นำเข้าลูกข่างสมองกล ที่มีชื่อว่า "อินฟินิตี้ นาโด้" จากประเทศจีน เจาะกลุ่มเด็กอายุระหว่าง 6-12 ปี เนื่องจากเป็นสินค้าที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากและประสบความสำเร็จอย่างมากในต่างประเทศ อีกทั้งยังมีเครื่องมือส่งเสริมการตลาด อาทิ การ์ตูนแอนิเมชั่น มีการใช้เทคโนโลยีการเก็บข้อมูล สามารถตรวจดู คะแนนและลำดับของตัวเองได้จากเว็บไซต์ อินฟินิตี้ นาโด้ ถือเป็นมิติใหม่ในตลาด ของเล่นที่ไม่เคยมีมาก่อน
"เราได้วางแผนทำการตลาดเพื่อโปรโมต และสร้างกระแส NADO Fever ในระยะยาวด้วยการทำ ทั้ง Above the line และ Below the line อาทิ Above the line ได้แก่ สร้างการประชาสัมพันธ์การแข่ง ณ สนามแข่งทั่วประเทศ ใช้ชื่อว่าการแข่งขันนาโด้ชิงแชมป์ประเทศไทย ในสื่อต่างๆ ทั้งนิตยสาร, เคเบิลทีวี , ฟรีทีวี ในส่วนของการ์ตูนนั้น มีการออกอากาศทั้งทางช่องเคเบิล ช่องการ์ตูนคลับ ฟรีทีวี วันเสาร์ทางช่อง 5 เวลา 07.00 น. ส่วน Below the line จัดให้มีการจัดแข่งขันชิงแชมป์ทั้งระดับจังหวัดภูมิภาค และระดับประเทศ รวมทั้งมีการสาธิตการแข่งขัน ณ จุดขายของนิชิเวิร์ลทั่วประเทศ ซึ่งทำให้เกิดการสร้างกลุ่มนักเล่นนาโด้ อย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น เราคาดว่าหลัง การเปิดตัวนาโด้จะสามารถสร้างยอดขาย ได้มากกว่า 300,000 ชิ้น และในปี 2557 ก็จะมีการนำเข้าสินค้าจากนาโด้มาทำตลาดเพิ่มเติมมากขึ้น"
ผู้บริหาร บอกทิ้งท้ายว่า แนวโน้มตลาดของเล่นในขณะนี้นั้นมีสินค้ามีหลาก หลายแบรนด์มากขึ้น มีการแข่งขันสูงและ จากสภาพภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ทำให้ ผู้บริโภคจะเน้นเลือกดูในเรื่องของราคา และความสนุก และเน้นหนักไปที่สินค้ากลุ่มประเภทสะสม ราคาที่เหมาะสม และมีทีวีโปรแกรมในการสนับสนุนการเล่น อีกทั้งกระแสของเล่นจีนเริ่มได้รับความนิยมเนื่องจากผู้บริโภคเริ่มให้การยอมรับมากขึ้น เพราะปัจจุบันจีนได้มีการพัฒนาทั้งเรื่องคุณภาพและการผลิต การทำแพ็กเกจจิ้ง สร้างแบรนด์ เทียบเท่ากับของเล่น แบรนด์ดังจากต่างประเทศ แถมราคาก็ไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับแบรนด์จากญี่ปุ่นและยุโรป
"บริษัทจึงได้หันมามุ่งเน้นนำเข้าสินค้าแบรนด์จากจีนมากขึ้น โดยในปีหน้า บริษัทเตรียมนำเข้าของเล่นใหม่จากจีนอีกอย่างน้อย 3 แบรนด์ หรือคาแร็กเตอร์ ซึ่งคงจะขอสิทธิ์ทั้งหมดเหมือนเดิมทั้งของเล่น เมอร์ชันไดซ์ และภาพยนตร์ โดยปัจจุบันบริษัทมีสินค้าของเล่นนำเข้าจากจีนและญี่ปุ่น มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 65% มาประมาณ 4-5 ปี มากกว่าสินค้า แบรนด์จากยุโรปและอเมริกา ที่มีประมาณ 35% ซึ่งบริษัทมีพันธมิตรธุรกิจของเล่นของจีน คือ กลุ่มออลดี้ (AULDEY) ซึ่งถือ เป็นรายใหญ่ของจีน มีธุรกิจครบวงจรทั้งการผลิตของเล่น และหนัง เมอร์ชันไดส์ต่างๆ ที่มีคุณภาพระดับเกรดเอ"