"โออีซีดี" ทำนายจีนใหญ่เหนืออเมริกาใน 3 ปี ค่ายเบียร์อินเบฟ รุกเขมือบค่ายเบียร์เม็กซิกัน

วันพฤหัสบดีที่ 04 เมษายน พ.ศ. 2556



รายงานความเคลื่อนไหวเศรษฐกิจโลกฉบับล่าสุด ขององค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) ชี้ชัดว่าขนาดเศรษฐกิจของจีนจะอิ่มเอิบเติบใหญ่ขึ้นทัดเทียมสหรัฐอเมริกาภายในไม่เกิน 3 ปีนับจากนี้ไป และจะก้าวแซงหน้าสหรัฐอเมริกาขึ้นเป็นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลกแทนที่ สหรัฐอเมริกา

สาระสำคัญในรายงานฉบับเดียวกันยังบอกด้วยว่าภายใต้ความเติบใหญ่ของขนาดเศรษฐกิจ รัฐบาลจีนจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่ต้องลงมือจัดการโดยเร็วอย่างน้อย 3 ประการ

ประการแรก คือโครงสร้างระบบเศรษฐกิจ
ประการที่สอง คือกฎระเบียบในภาคการเงิน
ประการที่สาม คือระบบการถือครองที่ดิน

โออีซีดี เห็นว่าปัจจัยเสี่ยงว่าด้วยระบบการถือครองที่ดินในจีน เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องได้รับการจัดการแก้ไขโดยด่วน ให้ทันกับการขยายตัวของเมือง ที่เบียดกินพื้นที่เกษตรกรรมอย่างรวดเร็ว และอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหารของจีน

อย่างไรก็ตาม โออีซีดี มีความเชื่อมั่นว่าแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในรอบปี 2556 นี้ จะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7.8 เมื่อปีที่แล้ว เป็นร้อยละ 8.5 และขยับตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 8.9 ในปี2557

สำหรับค่าเฉลี่ยอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในรอบ 10 ปี ระหว่างปี 2553-2563 น่าจะยืนอยู่ที่ระดับร้อยละ 8

โออีซีดี ยังแสดงความห่วงใยต่อความเป็นไปของเศรษฐกิจโลกโดยรวมด้วย โดยเห็นว่าชีพจรความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจโลก ยังต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยง สูงถึง 5 ประการ

ประการที่ 1 ความอ่อนแอของระบบเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นในสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา หรือแม้กระทั่งญี่ปุ่น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งความระส่ำระสายที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไซปรัส ซึ่งอยู่ในภาคีสหภาพยุโรป และกำลังประสบวิบากกรรมแสนสาหัสถึงขั้นธนาคารทั้งระบบถูกสั่งให้เป็น "อัมพาต" ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทั่งชาวไซปรัสต้องใช้จ่ายเงินสดที่เหลือติดตัวคนละเล็กคนละน้อยด้วยความกระเบียดกระเสียร

บางครอบครัวที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน 4 คน ต้องดำรงชีพด้วยเงินสดเพียง 5 ยูโรเท่านั้นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากธนาคารปิดทำการ และเงินสดที่สำรองไว้ในตู้เอทีเอ็ม ถูกรุมถอนจนเกลี้ยงแล้วไม่มีการเติมเงินกลับเข้าไปอีกเลย

ประการที่ 2 แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่ขยายตัวสูงขึ้น

ประการที่ 3 ระบบการเงินที่ง่อนแง่น

ประการที่ 4 ช่องว่างระหว่างคนรวย-คนจนที่นับวันจะขยายตัวสูงขึ้น

ประการที่ 5 จำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น และเป็นภาระต่อรายจ่ายด้านสวัสดิการสังคม

ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจโลก ยังดูขมุกขมัวหาความสดชื่นแจ่มใสไม่เจอะเจอ แต่ภาพธุรกิจเบียร์กลับกำลังจะเกิดรายการซื้อขายกิจการมูลค่ามหึมา ด้วยความสนุกสนานครื้นเครง

ค่ายอินเบฟ ที่เคยสร้างความตื่นตะลึงแก่วงการเบียร์โลก ด้วยการทุ่มเม็ดเงิน 52,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเข้าซื้อกิจการ "แอนฮูเซอร์บัสช์" หรือ "เอบี" เจ้าพ่อเบียร์ยี่ห้อ "บัดส์" แห่งสหรัฐอเมริกา แล้วเปลี่ยนชื่อแปลงนามเป็น "เอบีอินเบฟ" เมื่อปี 2551 ซึ่งถือเป็นการซื้อขายกิจการเบียร์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมเบียร์โลก กำลังจะสร้างปรากฏการณ์เขย่าวงการเบียร์อีกครั้งด้วยการเข้าซื้อกิจการเบียร์ของ "กรูโปโมเดโล" แห่งเม็กซิโก ในวงเงินที่ยังถูกเก็บงำเป็นความลับ

ทันทีที่เรื่องนี้รั่วไหลออกไป นายโจเซฟ อาลิโอโต กับพวกรวม 9 คน ได้ร่วมกันยื่นคำร้องต่อศาลซานฟรานซิสโก ให้สั่งระงับการทำธุรกรรมรายการนี้

ข้ออ้างของกลุ่มนายอาลิโอโต ที่ยื่นต่อศาล เพื่อคัดค้านการซื้อขายกิจการระหว่างเอบีอินเบฟ กับกรูโปโมเดโล มีอยู่ด้วยกัน 4 ประการ

ประการแรก หากปล่อยให้เกิดการควบรวมกิจการระหว่างกัน จะก่อให้เกิดการผูกขาดตลาดเบียร์ในสหรัฐอเมริกา

ประการที่สอง จะเป็นเหตุให้เกิดความละเลยในการปรับปรุงคุณภาพเบียร์

ประการที่สาม จะเป็นเหตุให้เบียร์มีราคาแพง เนื่องจากไม่มีการแข่งขัน

ประการที่สี่ จะเป็นเหตุให้ผู้บริโภคถูกจำกัดทางเลือกในการดื่มเบียร์

อย่างไรก็ดี เมื่อคราวที่อินเบฟ เข้าซื้อกิจการเอบี ปี 2551 ก็มีความพยายามคัดค้านในลักษณะเดียวกันนี้เช่นกัน โดยชาวอเมริกัน 5 คนรวมกลุ่มกันยื่นฟ้องต่อศาลเมืองเซนต์หลุยส์ แต่ศาลมีคำวินิจฉัยกฟ้อง

คราวนี้ก็อาจจะลงเอยแบบเดียวกัน


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ