การประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล (Programme for International Student Assessment หรือ PISA) มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินคุณภาพของระบบการศึกษาของประเทศต่าง ๆ ในการ เตรียมความพร้อมให้เยาวชนมีศักยภาพ หรือความสามารถพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในโลกที่มีความเปลี่ยนแปลง โดย PISA เน้นการประเมินสมรรถนะของนักเรียนเกี่ยวกับการใช้ความรู้ และทักษะในชีวิตจริงมากกว่าการเรียนรู้ตามหลักสูตรในโรงเรียน ซึ่งได้ประเมินความฉลาดรู้ 3 ด้าน ได้แก่ ความฉลาดรู้ด้านการอ่าน (Reading Literacy) ความฉลาดรู้ด้านคณิตศาสตร์ (Mathematical Literacy) และความฉลาดรู้ด้านวิทยาศาสตร์ (Scientific Literacy)
ผลการประเมิน PISA ได้สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพของนักเรียนไทยเมื่อเทียบกับการจัดการศึกษาของประเทศอื่น ๆ ซึ่งสิ่งที่เห็นชัดเจน คือ การเรียนรู้แบบท่องจำมากกว่าเรียนรู้เพื่อให้เกิดการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ สร้างองค์ความรู้ให้เกิดขึ้นได้ด้วยตนเอง จากปัญหาที่เกิดขึ้นในการศึกษาไทย และกระแสการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 ทำให้ “หลักสูตรฐานสมรรถนะ” ได้ถูกกำหนดไว้ในแผนปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิรูปหลักสูตร และ การจัดการเรียนการสอนให้ตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 โดยมีเป้าหมายให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะหลักที่จำเป็นสำหรับการทำงาน การแก้ปัญหา และการดำรงชีวิต ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการกำลังดำเนินการเพื่อให้เกิดปฏิรูปการศึกษาเพื่อสอดรับกับแผนดังกล่าว
ศาสตราจารย์ ดร. ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กล่าวว่า “การเรียนรู้จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนจากเดิมเคยที่เน้นเนื้อหาวิชา (Content Based Learning) ไปเป็นการเรียนรู้ฐานสมรรถนะ (Competency Based Learning) และเนื่องด้วยความฉลาดรู้เป็นสิ่งที่จำเป็นที่พลเมืองโลกและพลเมืองไทยควรมีไว้เป็นทักษะพื้นฐานในสังคมยุคดิจิทัลเพื่อรองรับศตวรรษที่ 21 สสวท. ได้ตระหนักถึงสภาพปัญหาการเรียนรู้ที่เกิดขึ้น จึงได้ดำเนินโครงการ “พัฒนาและส่งเสริมการใช้ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยเชิงสมรรถนะที่วัดความฉลาดรู้ด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (Science and Mathematical Literacy)” ร่วมกับที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ปรับเปลี่ยนรูปแบบข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้เน้นการวัดสมรรถนะ โดยปีหน้าจะดำเนินงานต่อเพื่อสอดรับกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ”
การดำเนินงานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาความฉลาดรู้ ด้านวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ในโรงเรียน ให้นักเรียนมีความสามารถในการเชื่อมโยงความรู้ และแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ หรือปัญหา หาคำตอบ แสดงเหตุผล หรือหาข้อสรุปได้อย่างมีวิจารณญาณ รวมถึงมีการสื่อสารอย่างเหมาะสม เพื่อเตรียมกำลังคนสู่ศตวรรษที่ 21
ทั้งนี้ สสวท. ได้นำร่องโครงการตั้งแต่ปี 2562 เริ่มจากการพัฒนาข้อสอบที่เน้นการประเมินความ ฉลาดรู้ทางวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ 7 ฉบับ สำหรับใช้คัดเลือกนักเรียนที่มีความประสงค์รับทุนการศึกษาโครงการพัฒนา และส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) ระดับอุดมศึกษา ในปีการศึกษา 2563 และ สสวท. ได้พัฒนากรอบ และข้อสอบวัดความฉลาดรู้ด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โครงการ พสวท. ที่มีความประสงค์จะเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา 4 ฉบับ รวมทั้งกรอบ และข้อสอบวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์สำหรับคัดเลือกนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา ร่วมกับที่ประชุมอธิการบดีแห่ง ทปอ. 4 ฉบับ ส่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 สสวท. จะดำเนินงานต่อเนื่องอย่างเข้มข้น เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ที่เน้นความฉลาดรู้และส่งเสริมให้มีการประเมินผลการเรียนรู้ในโรงเรียนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ในขณะเดียวกัน สสวท. ยังได้ดำเนินโครงการ “เพิ่มศักยภาพครูให้มีสมรรถนะของครูยุคใหม่สำหรับการเรียนรู้ศตวรรษที่ 21” โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏ 38 แห่งทั่วประเทศพัฒนาครูในโรงเรียนทุกสังกัด 2,200 แห่ง เพื่อการเพิ่มศักยภาพครูให้มีสมรรถนะของครูยุคใหม่สำหรับการเรียนรู้ศตวรรษที่ 21 เป็นการสนับสนุนให้มีการจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะที่ส่งเสริมความฉลาดรู้ในโรงเรียนอย่างแพร่หลายยิ่งขึ้น
“การดำเนินงานดังกล่าวจะส่งผลให้ครูวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี มีความพร้อมต่อการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ผ่านเครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏ และหน่วยงานการศึกษาอื่นๆ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา และการเรียนรู้ของโรงเรียนทั่วประเทศ นอกจากนั้นยังเป็นการเตรียมความพร้อมนักเรียนให้มีประสบการณ์ และทักษะสำคัญที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต พร้อมเข้าร่วมโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ (PISA) รวมทั้งสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีต่อการดำเนินชีวิตในศตวรรษที่ 21” ผู้อำนวยการ สสวท. กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ การสร้าง “เด็กฉลาดรู้ ครูคุณภาพสูง ยกระดับการศึกษาชาติไทย แข่งขันได้ด้วย ฐานสมรรถนะ” ยังคงเป็นจุดมุ่งหมายสำคัญที่ สสวท. ยังคงมุ่งมั่นดำเนินงานภายใต้การเรียนรู้ในยุคความ ปกติใหม่ หรือ นิวนอร์มัล (New Normal) อันสอดคล้องกับแผนปฏิรูปการศึกษา และนโยบายรัฐ