เอฟบีไอ ลากไส้ขบวนการโกงหุ้น รวบผู้ต้องหาตัวกลั่นโยงใยอภิมหาเศรษฐี

วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556

เอฟบีไอ ลากไส้ขบวนการโกงหุ้น รวบผู้ต้องหาตัวกลั่นโยงใยอภิมหาเศรษฐี


ปฏิบัติการจู่โจมกระชากหน้ากากขบวนการอาชญากรตลาดหุ้นครั้งมโหฬาร อุบัติขึ้นแล้วที่ใจกลางมหานครนิวยอร์ก เมื่อตอนเช้าตรู่วันศุกร์ที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา

ยามเช้าตรู่เวลาประมาณ 6 นาฬิกา ของวันศุกร์สุดท้ายของเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วย สอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ได้นำกำลังบุกขึ้นอพาร์ตเมนต์ หรู ย่านปาร์คอเวนิว ใจกลางมหานครนิวยอร์ก เพื่อรวบตัวนายไมเคิล สไตน์เบิร์ก วัย 41 ปี พร้อมกับแจ้งข้อหาฉกรรจ์ "ร่วมกับพวกทั้งที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้และที่ยังหลบหนีการจับกุม" กระทำการผิดพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ด้วยการลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้ข้อมูลวงใน

ก่อนลงมือ "เผด็จศึก" บุกรวบตัวนายสไตน์เบิร์ก เอฟบีไอใช้เวลาถึง 5 ปี ในการเฝ้าติดตามพฤติกรรมขบวนการอาชญากรตลาดหุ้นกลุ่มนี้ เพื่อเก็บรวบรวมหลักฐานจนแน่ใจ

ข้อมูลที่เอฟบีไอรวบรวมได้เกี่ยวกับพฤติกรรมของนายสไตน์เบิร์ก และพวก คือนายสไตน์เบิร์ก ในฐานะผู้จัดการกองทุนซิกม่าแคปปิตอลแมเนจเมนท์ ในสังกัด "เอสเอซีแคปปิตอลแอดไวเซอร์ส" ซึ่งมีนายสตีเวน เอ. โคเฮน มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน วัย 57 ปี เป็นผู้ก่อตั้ง ได้ใช้ข้อมูลวงในที่ได้รับจากเครือข่ายทั้งที่อยู่ ในสังกัดเดียวกันและนอกสังกัด ในการสั่งซื้อสั่งขายหุ้น "ไฟเซอร์" และ "เดลล์คอมพิวเตอร์" รวมทั้ง "เอ็น วิเดียคอร์ป" เป็นมูลค่ารวมกันถึง 615.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงปี 2550-2552

การรวบตัวนายสไตน์เบิร์ก ทำให้มีการคาดหมายว่าเอฟบีไอน่าจะสาวไปถึงตัวการสำคัญสุดของขบวนการนี้ ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวพันกับนายสตีเวน เอ. โคเฮน อย่างมาก

เหตุปัจจัยที่ทำให้ทิศทางการสืบสวนสอบสวนขยายผลทางคดี น่าจะเชื่อมโยงไปถึงนายสตีเวน เอ.โคเฮน มหาเศรษฐีอันดับที่ 117 ของโลก จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บสประจำปีนี้ สืบเนื่องมาจากนายโคเฮน ให้ความเป็นกันเองกับนายสไตน์เบิร์กเกินกว่าความสัมพันธ์ฉัน "เจ้านาย-ลูกน้อง"

นับตั้งแต่นายสไตน์เบิร์ก เข้าร่วมงานในสังกัดเอสเอซีแคปปิตอลแอดไวเซอร์ส เมื่อปี 2540 ก็ได้รับความสนิทสนมเป็นพิเศษจากนายโคเฮนเป็นต้นมา

แทบทุกครั้งที่นายโคเฮน ไปใช้ชีวิตพักผ่อนที่ รีสอร์ตหรูแถบทะเลแคริบเบียน นายสไตน์เบิร์ก มักได้รับเชิญให้ร่วมเดินทางไปด้วย

เมื่อคราวที่นายสไตน์เบิร์ก แต่งงานเมื่อปี 2552 นายโคเฮน ก็ให้เกียรติไปร่วมเป็นสักขีพยานในงานแต่งงาน

ยิ่งไปกว่านั้นนายโคเฮน ยังรับ "แซนดี้ เฮลเลอร์" เป็นที่ปรึกษาด้านศิลปกรรม ตามคำแนะนำของนายสไตน์เบิร์ก เพื่อทำหน้าที่ให้คำปรึกษาก่อนการตัดสินใจทุ่มเงินจำนวนมหาศาลซื้องานศิลปะชิ้นเอกมาเก็บสะสมไว้ในคอลเล็กชั่น

สำหรับเหตุจูงใจให้นายโคเฮน มีความไว้เนื้อเชื่อใจนายสไตน์เบิร์กอย่างสูง น่าจะมาจากความที่ทั้งคู่มาจากภูมิลำเนาเดียวกันคือย่านเกรทเนค ที่เป็นส่วนหนึ่งของมหานครนิวยอร์ก

นายสไตน์เบิร์ก เกิดในครอบครัวของนายแพทย์แถวเกรทเนค แล้วไปศึกษาเล่าเรียนจนสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน และเริ่มทำงานครั้งแรกกับสำนักวิจัยแซนฟอร์ด ซี. เบิร์นสไตน์ เพียงแค่ 3 ปี ก่อนที่จะย้ายมาเข้าสังกัดเอสเอซีแคปปิตอลแอดไวเซอร์ส

ข้างฝ่ายนายโคเฮน ซึ่งแม้ตอนนี้ยังคงลอยนวลอยู่ แต่กำลังตกเป็นเป้าจับตาติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดของเอฟบีไอ ในฐานะผู้ต้องสงสัย "บงการ" ให้เกิดการกระทำความผิด นับเป็นบุคคลที่มีรสนิยมการใช้ชีวิตที่หรูหรา และกล้าทุ่มเงินนับร้อยๆ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อแลกกับการได้ครอบครองเป็นเจ้าของงานศิลปะชิ้นเอก

เขาสำเร็จการศึกษาจากวอร์ตันสคูลออฟอิโคโนมิค มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ซึ่งเป็นสถาบันเดียวกับอดีตรองนายกรัฐมนตรี ดร.วีรพงษ์ รามางกูร และน่าจะเป็นศิษย์เก่ารุ่นน้องของดร.วีรพงษ์ แต่กำลังเปล่งรัศมีระยิบระยับยั่วยวนเอฟบีไออย่างยิ่ง ในฐานะผู้ก่อตั้งเอสเอซีแคปปิตอลแอดไวเซอร์ส ที่มีเม็ดเงินในความดูแลสูงลิ่วถึง 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสามารถสร้างมาตรฐานขั้นสูงในการทำกำไรจากการลงทุนเฉลี่ยที่ร้อยละ 25 ต่อปี ติดต่อกันถึง 25 ปี

ตอนนี้เบื้องลึกเบื้องหลังของขีดความสามารถทำกำไรของเอสเอซีแคปปิตอลแอดไวเซอร์ส ภายใต้บังเหียนของนายโคเฮน กำลังจะถูกเปิดโปงให้โลกได้ตื่นตะลึงในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้านี้

ที่แท้มันคือกลโกง หรือกลเกมการลงทุนกันแน่....เดี๋ยวก็รู้


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ