Toggle navigation
วันจันทร์ ที่ 7 กรกฎาคม 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
การตลาด-อีคอมเมิร์ซ
เครือโรงแรมไทยคึกคักจัดหนักรับศึกใหญ่
เครือโรงแรมไทยคึกคักจัดหนักรับศึกใหญ่
วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556
Tweet
อัตราการเติบโตของการท่องเที่ยวไทย ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมมีการปรับตัวอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมแบรนด์ไทยที่อาศัยจังหวะในการสร้างการเติบโต
ในปีที่ผ่านมาปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในเมืองไทยมีประมาณ 20 ล้านคน ส่วนครึ่งปีแรกของปีนี้ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในเมืองไทยแล้ว 12.6 ล้านคน ดังนั้น เป้าหมายที่ตั้งไว้ 26 ล้านคนในปีนี้จึงไม่ใช่เรื่องยาก ในด้านของธุรกิจโรงแรมในกรุงเทพฯ ช่วง 2 ปีนี้ จึงมีการเปิดตัวนับ 100 แห่ง ทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่
+ เครือไทยพลิกธุรกิจรับท่องเที่ยว
ตัวอย่างเช่น เครือโรงแรมแบรนด์ไทยอย่าง "สวัสดี" มีอายุกว่า 20 ปี ทั้งแบรนด์ "สวัสดี" และ "วรบุรี" มีจำนวนรวมกว่า 20 แห่งหรือประมาณ 1,000 ห้อง และ 1 ใน 3 แบรนด์ที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่องคือ "สลิลโฮเต็ล" ซึ่งเป็นโรงแรมขนาดกะทัดรัดเน้นตกแต่งสวยงาม ซึ่งรูปแบบของสลิลโฮเต็ล คือ การมองหาอพาร์ตเมนต์เก่าในทำเลทองเพื่อปรับเป็นโรงแรม
ด้าน "ควอลิตี้ เฮ้าส์" ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของคนไทยที่แข็งแกร่ง มีแบรนด์ "เซ็นเตอร์ พอยต์" (Center Point) เป็นตัวบุกตลาดโรงแรมอย่างจริงจังในปีนี้
ย้อนไปเมื่อ 20 กว่าปีควอลิตี้เฮ้าส์ มีธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์อยู่หลายแห่ง รับลูกค้าที่เข้ามาในเมืองไทยแบบพักระยะยาวเป็นหลัก จนมาในปีนี้ จึงได้ลงทุนปรับโฉมเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์มาเป็นโรงแรม เนื่องจากมองเห็นทิศทางการเติบโตของการท่องเที่ยว โดยเปิดโอกาสรับลูกค้าที่เข้าพักในระยะสั้นด้วย
+ ชูห้องกว้างเป็นมิตรสุขภาพ
นางสุวรรณา พุทธประสาท กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผย "สยามธุรกิจ" ว่า เซ็นเตอร์พอยต์ เป็นแบรนด์เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่อยู่มานานกว่า 20 ปี และในวันนี้ได้ปรับโฉมใหม่เพื่อรองรับลูกค้าที่กว้างขึ้น ภายใต้งบลงทุน 1.1 พันล้านบาท โดยสร้างบรรยากาศที่สวยงามแบบโรงแรม แต่ยังคงจุดเด่นของห้องพักที่กว้างขวางกว่า ใช้วัสดุการตกแต่งที่ดีต่อสุขภาพ เช่น การปูพื้นปาร์เก้ แทนพื้นพรม ซึ่งถือเป็นจุดที่มีความได้เปรียบอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับโรงแรม
ปัจจุบันแบรนด์ "เซ็นเตอร์พอยต์" บริหารงานในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 4 รูปแบบ รวม 10 แห่ง ประกอบด้วย โรงแรม 7 แห่ง ทั้งระดับ 5 ดาว และ 3-4 ดาว เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 1 แห่ง, อพาร์ตเมนต์ 1 แห่ง และบ้านหรูให้เช่า 37 ยูนิตในโครงการแอลแอนด์เอชวิลล่า สาทร โดยธุรกิจโรงแรมมีจำนวนรวม 2,215 แห่ง อยู่ในทำเลทองของกรุงเทพฯ ทุกแห่ง
หลังจากปรับโฉมใหม่พบว่า ลูกค้าตอบรับดีมากทั้งกลุ่มนักธุรกิจและนักท่องเที่ยว โดยปัจจุบันลูกค้าที่เข้าพักระยะสั้น (ไม่เกิน 1 เดือน) มีสัดส่วน 60% ส่วนระยะยาวเหลือเพียง 40%
+ โรงแรมในกรุงทะลุ 4 หมื่นห้อง
ปัจจุบันเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ในกรุงเทพฯ มีประมาณ 12,000 ยูนิต หากเปรียบเทียบกับ 8 ปีที่ผ่านมา มีเพียง 6,000 แห่ง ถือเป็นการแข่งขันที่สูงมาก เช่นเดียวกับธุรกิจโรงแรมในกรุงเทพฯ ที่มีจำนวนมาก ปัจจุบันมีอยู่กว่า 30,000 ห้อง คาดว่าจะเพิ่มเป็น 40,000 ห้องในอีก 2 ปีข้างหน้า แต่ขณะเดียวกันจำนวนนักท่องเที่ยวก็เติบโตขึ้นมากเช่นกัน โดยปัจจุบันอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 70-80%
นางสุวรรณา กล่าวว่า การปรับโฉมใหม่นี้ ได้รับการตอบรับที่ดีมาก เนื่องจากฐานลูกค้าที่อยู่ระยะยาวที่แข็งแกร่ง และลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันการเติบโต เนื่องจากพฤติกรรมของลูกค้าในปัจจุบันใช้อินเตอร์เน็ตในการหาข้อมูลเปรียบเทียบ และจองที่พัก ซึ่งปัจจุบันช่องทางออนไลน์มีส่วนถึง 30-40% ของยอดขาย
ด้านการแข่งขันของธุรกิจโรงแรมในกรุงเทพฯ เกิดขึ้นทั้งในช่วงของไฮซีซั่นและโลว์ซีซั่น โดยเซ็นเตอร์พอยต์ชูจุดเด่นของห้องพักและมาตรฐานการบริหารงานระดับสากล ภายใต้การบริการแบบไทย รวมทั้งการสร้างความ ประทับใจให้กับลูกค้า อาทิ การจัดเทศกาลไทยและเทศกาลต่างประเทศให้กับลูกค้าในโอกาสต่างๆ เป็นต้น เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าเกิดการบอกต่อ รวมทั้งมีลูกค้าที่กลับมาใหม่ถึง 40-50%
+ ออนิกซ์สยายปีก 4 แบรนด์
"อมารี" เป็นอีกเครือโรงแรมหนึ่งซึ่งอยู่ในเมืองไทยมากว่า 40 ปี ก็มีการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์พร้อมการปรับโฉมโรงแรมของตัวเอง เพื่อรองรับตลาดใหม่ๆ
นายหฤษฎ์ (ลักษณะโยธิน) เกิดทิพย์ ผู้อำนวยการแบรนด์ในเครือออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เปิดเผยว่า แต่เดิมโรงแรมเครืออมารีมีอายุยาวนานกว่า 40 ปี และ 4 ปีที่ผ่านมา ได้ปรับธุรกิจเป็นออนิกซ์ เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางในการบริหารจัดการ 4 แบรนด์ในเครือ ประกอบด้วย ซัฟฟอน, อมารี, โอโซ และชามา
โดย "ซัฟฟอน" จะเป็นแบรนด์ระดับ 5 ดาว ที่ยังไม่มีตัวโรงแรม เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนของการสร้างแบรนด์ให้พร้อมก่อน "อมารี" 4-4.5 ดาว ราคา 3,000-8,000 บาท "โอโซ" เปิดแล้ว 1 แห่งที่ฮ่องกง ส่วน "ชามา" เน้นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่หรูหรา
แบรนด์ "อมารี" ยังคงเป็นแบรนด์หลักของโรงแรมในเครือ แต่เดิมเคยจับกลุ่มเป้าหมาย 4-5 ดาว แต่ปัจจุบันได้ปรับลงมาอยู่ในระดับ 4 ดาวเพื่อสร้างความเป็นผู้นำในตลาด 4 ดาว ขณะที่ตลาด 5 ดาวก็แข่งขันสูงมาก ดังนั้น จึงพัฒนา "ซัฟฟอน" ขึ้นมาเพื่อรับกับการแข่งขัน โดยรวมแล้วโรงแรมในเครือออนิกซ์จะไม่ลงไปเล่นในระดับล่างเลย แต่มีส่วนในการรับจ้างบริหารให้กับแบรนด์อื่นนอกเครือออนิกซ์
กล่าวได้ว่า แต่เดิมโรงแรมในเมืองไทย มีความ แตกต่างกันในแต่ละระดับ แต่ปัจจุบันนี้ด้วยจำนวนที่เพิ่มขึ้นพร้อมการแข่งขัน ทำให้หาข้อแตกต่างได้ยาก "อมารี" จึงปรับตัวลงมาเพื่ออยู่ในกลุ่มผู้นำในระดับ 4 ดาว ภายใต้ศักยภาพที่สูงกว่า
+ อมารีปรับโฉมสู่โมเดิร์นเอเชีย
ช่องทางออนไลน์มีส่วนสำคัญกับการทำตลาดโรงแรมในปัจจุบัน แม้ว่าที่ผ่านมา จะเป็นเครื่องมือที่ใช้มานานแล้ว แต่มีการพัฒนารูปแบบมากขึ้น จากเดิมลูกค้าจะใช้ออนไลน์ เป็นแค่การหาข้อมูล แต่ปัจจุบันสามารถตัดสินใจจองห้องพักได้ทันที ปัจจุบันสัดส่วนการใช้สื่อออนไลน์จึงอยู่ที่ 50% ทั้งนี้พบว่า สัดส่วนของคนไทยในการใช้เครื่องมือออนไลน์ในการหาข้อมูลที่พักมีถึง 70% จากเดิมอยู่ที่ 30%
นายหฤษฎ์ กล่าวว่า จากนี้ไปจะทำการปรับโฉมอมารี แต่จะค่อยๆปรับไปทีละส่วน โดยพิจารณาความเหมาะสมตามทำเลและกลุ่มเป้าหมาย พร้อมด้วยการสื่อสารว่า "อมารี" คือแบรนด์ไทย แต่เป็นแบรนด์ไทยที่ทันสมัย ภายใต้แนวความคิด "Modern Asia" หรือเอเชียสมัยใหม่ เน้นแสดงภาพของความเป็นจริงในปัจจุบัน
+ จุดยืนคือจุดขายใช้แข่งขัน
สาเหตุของการเลือกจุดยืนของแบรนด์สมัยใหม่ ไม่เหมือนแบรนด์ไทยทั่วไป เป็นแนวทางในการขยาย ตลาดต่างประเทศ เนื่องจากความสมัยใหม่สามารถเข้าถึงทุกตลาดได้ ทั้งนี้ยังมีกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ลอยัลตี้ให้กับลูกค้า มีการจัดทำบัตร Chorus Reward บัตรสะสมแต้มในเครืออมารี ปัจจุบันมีสมาชิก กว่าแสนคน โดยอนาคตสามารถเชื่อมโยงสิทธิพิเศษ ไปยังแบรนด์โอโซด้วย
นอกจากนั้น ยังมีความร่วมมือกับพันธมิตรโรงพยาบาล เพื่อทำแพ็กเกจสุขภาพ อาทิ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โรงพยาบาลกรุงเทพฯ ในส่วนของสปา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในอมารี 7 แห่ง ในอนาคตยังมีแผนการขยายสาขาออกนอกโรงแรมด้วย
สำหรับแบรนด์อมารี ปัจจุบันมีอยู่ 13 แห่ง โดยอยู่ในกลุ่มผู้นำในกลุ่มโรงแรมแบรนด์ไทยระดับ 4 ดาว เนื่องจากเครือโรงแรมไทยส่วนใหญ่ จะมุ่งเน้นไปที่ตลาด 5 ดาวเป็นหลัก ส่วนอัตราเข้าพักเฉลี่ย ของอมารีในเมืองไทยอยู่ที่ 70-80%
นายหฤษฎ์ กล่าวในตอนท้ายว่า การแข่งขันของธุรกิจโรงแรมในปัจจุบัน ทำให้ทุกคนต้องหาจุดยืนที่แตกต่าง สร้างเหตุผลที่ลูกค้าต้องเลือกเข้ามาใช้บริการ ทั้งนี้ คาดว่าเมื่อการปรับโฉมอมารีพร้อม ด้วยการสร้างแบรนด์ที่แกร่งขึ้น จะทำให้อมารีเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้มากขึ้น สอดคล้องกับแผนขยายโรงแรมแห่งใหม่ อาทิ อมารี บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งตกแต่งในธีมกีฬาฟุตบอลในบุรีรัมย์ ซึ่งจะเปิดตัวในวันที่ 4 ตุลาคมนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
NSL ขยายโอกาสการส่งออก หนุน Thai soft po...
...
TMAN ผนึก BERTRAM ลุยแผน Collab เดินหน้า...
...
“เอส แอนด์ พี” ประกาศแต่งตั้ง “คุณกำธร ศ...
...
"กลุ่มเดอะมอลล์" ร่วมฉลอง 50 ปี ความสัม...
...
“บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์” มั่นใจธุรกิจรี...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ