ด้วยสภาพอากาศของเมืองไทยเป็นเมืองร้อนชื้น ส่งผลให้การแพร่พันธุ์ของยุงเป็นไปอย่างรวดเร็ว นำมาซึ่งโรค "ไข้เลือดออก" ซึ่งกำลังระบาดตั้งแต่ช่วงต้นฝน มาจนถึงบัดนี้สถานการณ์ของไข้เลือดออกในหลายพื้นที่ก็ยังอยู่ในขั้นที่น่าวิตก
นอกจากการรักษาสภาพแวดล้อมให้ปลอดจากยุงแล้ว การใช้ผลิตภัณฑ์กำจัดยุงชนิดต่างๆ ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสเปรย์และโลชั่นกันยุงที่พกพาง่ายใช้สะดวก
ตลาดรวมผลิตภัณฑ์ยากันยุงในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 4 พันล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มสเปรย์ฆ่ายุง 55% กลุ่มยาจุดกันยุง 30% กลุ่มสเปรย์และโลชั่นทากันยุง 15% โดยกลุ่มสเปรย์และโลชั่นกันยุงมูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท มีอัตราเติบโตมากถึง 63% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องที่ 10% ในปีนี้
ส่วนภาพรวมตลาดของผลิตภัณฑ์กันยุงในปีนี้คาดว่าจะเติบโตที่ 4-5% ซึ่งที่เติบโตไม่มากนัก เนื่องจากส่วนแบ่งหลักของสเปรย์แบบฉีดเพื่อฆ่ายุงมีฐานใหญ่และมีการเติบโตที่น้อยลงกว่ากลุ่ม สเปรย์หรือโลชั่นกันยุง ขณะที่ยาจุดกันยุงเป็นตลาดที่ยังอยู่ในกลุ่มการใช้ภายนอกอาคารหรือตลาดล่างเป็นหลัก
+ ผู้นำฉีดกันยุงมุ่งโตแรง
หากกล่าวถึงตลาดสเปรย์และโลชั่นกันยุง มีแบรนด์อยู่ในตลาดมากมาย ทั้งกลุ่มสมุนไพรและแบรนด์ที่ไม่ทำตลาดมากนัก แต่วางจำหน่ายแพร่หลายทั้งร้านขายยาหรือร้านค้าชั้นนำ แต่หากจะกล่าวถึงการสร้างแบรนด์ "ก.ย.15" ถือเป็นผู้บุกเบิก ตลาดจนเป็นที่รู้จัก แต่ยังไม่มีความต่อเนื่องของแบรนด์มากนัก ขณะที่ "ซอฟเฟล" เป็นแบรนด์ที่ทำตลาดอย่างหนัก เน้นการสื่อสารสู่คนรุ่นใหม่ ประกอบการกระจายสินค้า จาก บริษัท ซี.พี. คอนซูเมอร์ โพรดักส์ จำกัด ปัจจุบันซอฟเฟล จึงเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มสเปรย์และโลชั่นกันยุงที่ 60%
นางสาวแครอล ลาย ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ประจำภูมิภาค กลุ่มบริษัท เอเนซีส กรุ๊ป ผู้ผลิตสเปรย์ และโลชั่นทากันยุง ซอฟเฟล (Soffell) เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูฝนจะมีการระบาดของยุงลายและไข้เลือดออกอย่างหนักในหลายพื้นที่ ส่งผลทำให้ตลาดยากันยุงจะมีการเติบโตสูงกว่าช่วงปกติถึง 30% ส่วนซอฟเฟลก็มียอดขายเติบโต 30% เช่นกัน
เดือนที่ผ่านมาซอฟเฟลจึงได้จัดแคมเปญ "วันปลอดภัยจากยุง" เพื่อร่วมรณรงค์ป้องกันการระบาดของยุงและโรคไข้เลือดออก รวมทั้งการเดินสายให้ความรู้พร้อมแจกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ ผ่านกรมควบคุมโรคและ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง รวม 2 ล้านซองหรือ 10 ล้านบาท
ทั้งนี้จะเป็นอีกช่องทางในการป้องกันยุงให้ประชาชน รวมทั้งการสร้างแบรนด์ของ "ซอฟเฟล" ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น คาดว่าจะส่งผลต่อยอดขายเติบโต 10% ในปีนี้ หรือ 450 ล้านบาท
ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งอยู่ในสภาพอากาศที่คล้ายกับประเทศไทย และเป็นแหล่งที่มียุงชุกชุม ถือเป็นตลาดหลักของซอฟเฟล โดยยอดขายในภูมิภาคนี้เมื่อปี 2555 อยู่ที่ 6 พันล้านบาท ตลาดหลักอยู่ที่อินโดนีเซีย 79% ทำให้ปัจจุบัน มีโรงงานผลิตอยู่ที่อินโดนีเซียเพื่อป้อนตลาดในภูมิภาคนี้ ยอดขายรองลงมาคือไทย 15% และเวียดนาม 6% โดยเป็นผู้นำตลาดในทั้ง 3 ประเทศ จากนี้ไปบริษัทก็จะมอบหมายให้ทาง ซี.พี. คอนซูเมอร์โพรดักส์ เป็นผู้ดูแลตลาดพม่าและกัมพูชา
ด้วยตลาดที่ยังมีแนวโน้มการเติบโต พร้อมด้วยไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่นิยมใช้ชีวิตนอกบ้าน หรือการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้กลายเป็น ของใช้จำเป็นสำหรับการพกพาในยามเดินทางไปเสียแล้ว ส่งผลให้มีผู้สนใจเข้ามาทำตลาดมากขึ้น
+ "เบลล์" น้องใหม่ไล่ยุงค่ายเบอร์ลี่
ในช่วงเดียวกัน บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ประกาศบุกตลาดผลิตภัณฑ์กันยุงสำหรับผิว ด้วยแบรนด์ "เบลล์" (Belle) ซึ่งเป็นแบรนด์ดังของกระดาษชำระในเครือเบอร์ลี่นั่น เอง โดยใช้ฐานของแบรนด์ เบลล์มาสู่สินค้าใหม่ เนื่อง จากเล็งเห็นศักยภาพของตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจ
การบุกในครั้งนี้ "เบลล์" ได้นำเสนอเพื่อสร้างความแตกต่าง เริ่มจากโทนสีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์ แต่ยังคงสีชมพูในตัวอักษรของชื่อผลิตภัณฑ์ ส่วนทาง "ซอฟเฟล" ใช้สีชมพูเป็นโทนหลักของผลิตภัณฑ์
โดยมีรูปลักษณ์ทันสมัย ขณะที่ก.ย.15 ใช้โทนสีน้ำเงินเป็นหลัก ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นผลิตภัณฑ์ยา ช่วงหลังจึงมีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์และสูตรใหม่ มาพร้อมกับสีม่วง สีชมพู ซึ่งกลายเป็นทิศทางเดียวกันหมดว่า ผลิตภัณฑ์ทากันยุงจะมีสีชมพูเป็นโทนสีที่ผู้นำตลาดประสบความสำเร็จมาแล้ว
การเข้ามาของเบลล์ ถือเป็นสิ่งที่น่าจับตามอง นอกจากความเป็นรายใหญ่ของค่ายเบอร์ลี่แล้วตลาดที่มีแบรนด์ที่อาจจะเรียกได้ว่ากุมตลาดใหญ่เอาไว้มากกว่า 50% เป็นตลาดที่น่าสนใจยิ่งนัก และยังมีผู้เล่นหลักน้อยราย
+ เค้กยุง 4 พันล้านยังเนื้อหอม
อีกแบรนด์ที่เข้ามาบุกตลาดผลิตภัณฑ์ป้องกันยุงคือ "คายาริ" ผู้คร่ำหวอดในตลาดยากันยุง ซึ่งระบุว่าตลาดส่วนนี้อาจจะชะลอตัวจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ไม่นิยมจุดยากันยุงเพราะกลิ่นฉุน จึงได้มีการพัฒนาสูตรใหม่มาอย่างต่อเนื่อง พร้อมด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มความครบวงจรของการกันยุง โดยมีแบรนด์ "คายาริ ไพรีทรัม สเปรย์" สเปรย์ฉีดยุงในกลุ่มที่ใช้ภายในบ้านเรือนเป็นตัวทำตลาด และมีแผนการแนะนำสินค้าในกลุ่มป้อง กันผิวและกันยุงไฟฟ้าอีกด้วย
สำหรับการเข้ามาของ "เบลล์" นอกจากจะทำให้ตลาดคึกคักขึ้นมาอย่างแน่นอนแล้ว สิ่งที่จะปรากฏหลังจากนี้ คือ ความเคลื่อนไหวของทางผู้นำ หรือแบรนด์อื่นๆ
นายธเนศ จิระสุข ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนตัว และเครื่องใช้ในครัวเรือน บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เบลล์ ตั้งเป้าหมายขึ้นแท่นเป็นเบอร์ 2 ของตลาดในช่วงแรก ภายใน 2 ปี โดยชูคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์จากส่วนผสมของวิตามินอี และอโลเวร่า พร้อมกลิ่นหอมของมวลดอกไม้ "สวีท ฟลอร่า" ไม่เหนียวเหนอะหนะพร้อมประสิทธิภาพการกันยุงนาน 7 ชั่วโมง
ทางเบอร์ลี่ฯ เชื่อมั่นว่า แบรนด์ "เบลล์" เป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับในตลาดกระดาษชำระด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 1 ใน 5 อันดับตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ส่วนผลิตภัณฑ์กันยุง "เบลล์" ก็ใช้เวลาวิจัยและพัฒนามากว่า 3 ปี ด้วยงบประมาณหลายล้านบาท จึงคาดว่าจะประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว โดยวางกลุ่มเป้าหมาย หลัก ผู้หญิงอายุ 25-35 ปี
+ วางราคาสูสีจับสาวรุ่นใหม่
ซอฟเฟล และเบลล์ เป็นแบรนด์ที่น่าจับตามองสำหรับการขบเขี้ยวของค่ายใหญ่ในอนาคต โดยปัจจุบันซอฟเฟลจำหน่ายโลชั่นกันยุงแบบขวด ราคา 55 บาท และซองละ 5 บาท ส่วนสเปรย์ขวดใหญ่ ราคา 60 บาท ขวดเล็ก 30 บาท และมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน ส่วน "เบลล์" ชนิดโลชั่น รูปแบบซอง 10 มิลลิลิตร (มล.) และรูปแบบหลอด 70 มล. และชนิดสเปรย์ ขนาด 30 มล. และ 70 มล. วางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ และร้านค้าชั้นนำ ราคาไม่แตกต่างมากนัก เช่น สเปรย์ 70 มล. 55 บาท แต่มีการจัดรายการส่งเสริมการขายในช่วงเปิดตัวผ่านเทสโก้ โลตัส ออนไลน์ ราคา 49 บาท ฯลฯ
กล่าวได้ว่า สถานการณ์ไข้เลือดออกในประเทศไทย ยังคงน่าห่วงต่อเนื่องในทุกปี เนื่องจากคุณภาพชีวิตที่ได้รับการดูแลที่แตกต่างกัน ยังมีพื้นที่อีกมากมายที่ต้องประสบกับปัญหายุงลายระบาด ส่วนกลุ่มสินค้าเหล่านี้ อาจจะได้รับความนิยมในกลุ่มผู้มีกำลังซื้อเท่านั้น แต่ตลาดก็ยังเติบโต เพราะสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ อีกทั้งการโดนยุงกัดก็ยังส่งผลต่อความงาม
ผู้หญิงจึงกลายเป็นกลุ่มหลักที่ตลาดนี้ให้ความสนใจนั่นเอง