นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ ไฉไลทั้งภายนอก-ภายใน ขับขี่มั่นใจ

วันพุธที่ 01 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ ไฉไลทั้งภายนอก-ภายใน ขับขี่มั่นใจ


โดย....สิริวิทย์ บ่อจันทึก

sirivit@yahoo.com

หลังเปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤษภาคม ฝ่ากระแสโควิด-19 ที่ค่ายรถยนต์ ต้องชะลอเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ทาง นิสสัน ได้จัดให้สื่อมวลชนได้ทดสอบขับ  นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ (ALL-NEW NISSAN KICKS e-POWER) ที่สนามปทุมธานีสปีดเวย์  รถยนต์คอมแพ็คเอสยูวีรุ่นล่าสุดในตลาด โดยสร้างกระแสความสนใจ กับเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ อย่างคักคัก

สำหรับ  อี-พาวเวอร์ เป็นนำเทคโนโลยีการขับเคลื่อนของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบอย่างนิสสัน ลีฟ รถยนต์ไฟฟ้า 100%  ซึ่งมีความแตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี อย่าง นิสสัน ลีฟ ด้วยการนำเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็กมาสร้างการให้กำเนิดกระแสไฟฟ้าชาร์จสู่แบตเตอรี่กำลังสูง ลดความกังวลใจในเรื่องของการชาร์จพลังงานไฟฟ้าจากภายนอก ในขณะที่ให้พละกำลังและสมรรถนะการขับขี่เฉกเช่นรถยนต์ไฟฟ้า

โดยเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ นี้ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งจะทำการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์ โดยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่กำลังสูงจะถูกส่งไปยังระบบขับเคลื่อนขนาดกะทัดรัดของอี-พาวเวอร์ ซึ่งประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) อินเวอร์เตอร์ (Inverter) มอเตอร์ไฟฟ้า (electric motor) และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-ion battery) แตกต่างจากระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดทั่วๆไป ที่มอเตอร์ไฟฟ้าจะมีกำลังไม่สูงมากและจะทำงานคู่กับเครื่องยนต์สันดาปภายในเพื่อการขับเคลื่อนในขณะพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่เหลือน้อย (หรือรวมถึงการขับขี่ด้วยความเร็วสูง) อย่างไรก็ตามในระบบอี-พาวเวอร์นั้น เครื่องยนต์สันดาปภายในไม่ได้ถูกเชื่อมต่อกับล้อขับเคลื่อน ทำหน้าที่เพียงให้กำเนิดพลังงานไฟฟ้าสู่แบตเตอรี่และอินเวอร์เตอร์ โดยความแตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้า 100% เต็มรูปแบบ คือ ระบบอี-พาวเวอร์ได้รับพลังงานไฟฟ้าจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน ไม่ใช่จากแบตเตอรี่ที่ต้องมีการชาร์จจากแหล่งพลังงานภายนอก

โดยทั่วไปโครงสร้างของระบบไฟฟ้าเช่นนี้จะมีมอเตอร์และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ เนื่องจากมอเตอร์เป็นแหล่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าโดยตรงที่ใช้ในการขับเคลื่อน และข้อจำกัดนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ในการติดตั้งระบบนี้ในรถยนต์ขนาดคอมแพ็ค อย่างไรก็ตามนิสสันได้พัฒนาและเรียนรู้วิธีการลดขนาดและน้ำหนัก รวมทั้งพัฒนาวิธีการควบคุมมอเตอร์ให้ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการพลังงานทำให้          อี-พาวเวอร์ใช้แบตเตอรี่ที่มีขนาดเล็กกว่า แต่ยังมอบประสบการณ์การขับขี่เช่นเดียวกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ อย่างเช่น นิสสัน ลีฟ ได้

นอกจากนี้ ในโหมดการขับขี่ ผู้ขับขี่จะได้รับประสบการณ์การขับขี่แบบใหม่ล่าสุดผ่านเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ  หรือ "วัน-เพดัล" (One-Pedal) ที่สามารถเร่ง ลดความเร็วลง และหยุดรถ โดยใช้เพียงคันเร่งอย่างเดียว ช่วยลดความจำเป็นในการขยับเท้าเพื่อมาเหยียบแป้นเบรก และยังมาพร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย คือ EV mode S mode Eco mode และ Normal mode โดยใน EV โหมด รถยนต์มอบอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมรวมถึงการหยุด (ด้วยการยกคันเร่งขึ้นจาก One-Pedal) เช่นเดียวกับการเบรกในรถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทั่ว ๆ ไป ใน S mode หรือ Smart mode รถจะเร่งความเร็วได้ดีเพิ่มขึ้น พร้อมกับกำลังสำหรับการหยุดที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ใน Eco Mode รถจะลดการใช้พลังงานบางส่วนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันผ่านการควบคุมพลังงานของแบตเตอรี่

นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ ใช้เครื่องยนต์ HR12DE ขนาด 1.2 ลิตร แถวเรียงแบบ DOHC (Double Overhead Camshaft) 12 วาล์ว 3 สูบ รับหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า และยังมีส่วนประกอบของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่สำคัญ ๆ อาทิ เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ EM57 ให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า (PS) มีแรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร (Nm) และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) มีจำนวน 4 โมดูล เทคโนโลยีนี้มอบการเร่งความเร็วที่ราบรื่น การขับขี่ที่เงียบ และการประหยัดน้ำมันที่มีประสิทธิภาพสูง

ส่วนการออกแบบ โดดเด่นและเร้าใจผสานการออกแบบที่สื่อถึงอารมณ์และการใช้งานจริง โดยออกแบบซุ้มล้อให้โดดเด่นเข้ากับรูปลักษณ์แบบรถครอสโอเวอร์ พร้อมเอกลักษณ์การออกแบบ หรือ Design DNA ที่เป็นเฉพาะของนิสสันเช่นเดียวกับในรถยนต์นิสสันทุกรุ่น โดยคอมแพ็คเอสยูวีคันนี้ โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ V-motion ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ทรงบูมเมอแรง การออกแบบแนวเส้นหลังคาแบบลอยตัว (floating roof line) และภายในใช้ลายเส้นของปีกเครื่องร่อน (gliding wing) ลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ทั้งหมดอยู่ภายใต้แนวคิดการออกแบบของ   นิสสัน เพิ่มความโดดเด่นให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิตในเมืองที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีของผู้บริโภคในปัจจุบัน

ส่วนระบบความปลอดภัย ยังคงความแข็งแกร่ง บนพื้นฐานของ (Zone body Concept)  โดยโครงสร้างตัวถังรถถูกสร้างให้มีความสามารถในการดูดซับพลังงาน รับแรงกระแทก และทำให้รถยนต์มีความแข็งแกร่ง ปลอดภัย เหมาะสมสำหรับการขับขี่ในเมืองและการขับขี่ในระยะทางไกล โดยมาพร้อมกับ 14 เทคโนโลยีจาก นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี และเทคโนโลยีความปลอดภัยเซฟตี้ ชิลด์  อาทิ เทคโนโลยีควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ เทคโนโลยีช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ  เทคโนโลยีเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ  เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา เทคโนโลยีเตือนรถในทางสวนขณะถอยรถ  เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง พร้อมด้วยเทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน และเทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ เป็นต้น และอีกหนึ่งจุดเด่น ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค  ระบบกระจายแรงเบรก  และระบบเสริมแรงเบรก เป็นระบบมาตรฐานในรถยนต์ทุกรุ่น รวมไปถึงถุงลมนิรภัย SRS 6 จุด

                ขณะที่ภายในห้องโดยสาร ได้ออกแบบรองรับแผงหน้าปัดดีไซน์ใหม่ หน้าจออินโฟเทนเมนท์ พวงมาลัย และเบาะที่นั่ง ได้อย่างลงตัว ห้องโดยสารที่มีสไตล์ ได้รับการออกแบบและการปรับแต่งอย่างประณีต รวมถึงการออกแบบแผงหน้าปัดด้วยลายเส้นของแนวปีกเครื่องร่อนหรือ Gliding Wing ที่เรียบง่ายและทันสมัย โดดเด่นด้วยจอสีแสดงผลบนหน้าปัดขนาด 7 นิ้ว  และยังนำเสนอลวดลายภายในแบบ   ทูโทน สีดำและสีส้ม ซึ่งมีเฉพาะในรุ่น VL เท่านั้น

สำหรับการทดสอบในสนามปทุมธานีสปีดเวย์ ทางทีมงานนิสสัน ได้แบ่งการทดสอบ 2 สถานี ได้แก่ สถานี A  ที่จะเป็นการทดสอบในรูปแบบ Lane Change (การเปลี่ยนเลนแบบกระทันหัน) และ Slalom (ซิกแซกอ้อมกรวย)

โดยการขับขี่แบบ Lane Change  เริ่มจากการวิ่งออกตัวทำความเร็วได้ประมาณ 60 กม./ชม. ทางทีมงานได้วางกรวยตรงกลาง เพื่อให้ผู้ขับขี่หักหลบสิ่งกรีดขวางแบบกระทันหันเพื่อจำลองสถานะการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดบนถนน ซึ่งทางทีมงานได้วางช่องกรวยไว้แคบมากแค่ช่วงตัวรถขับผ่านได้เท่านั้น มีการวางไว้ผ่านทั้งด้านซ้ายและขวา เพื่อแสดงให้เห็นถึงความแม่นยำและเฉียบคมของพวงมาลัยในการควบคุมรถ  จากการทดสอบขับหลายรอบก็ทำได้ดีแสดงให้เห็นถึงสมรรถนะความแม่นยำและการทรงตัวในการเลี้ยวกระทันหัน หลังผ่านช่องกรวย ก็จะสู่การทดสอบแบบ Slalom โดยวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 50-60  กม./ชม. อ้อมกรวยที่วางไว้ จาการทดสอบในหลายๆ รอบ และเปลี่ยนโหมดขับขี่ อาจมีความรู้สึกถึงอาการเหวี่ยงบ้างเล็กน้อย แต่ก็สามารถควบคุมได้ มีความมั่นใจกับการขับขี่มากขึ้นว่าสามารถเอาอยู่

สำหรับ สถานี B เป็นการจำลองการวิ่งในรูปแบบ Track แบบ Circuit Race ให้ได้ลองขับกันแบบเต็มๆ ได้ทดสอบอัตราเร่ง ความเร็ว ชะลอ และเบรก โดยวิ่งออกจากจุดเริ่มต้น อัดคันเร่งตั้งแต่แรก แล้วยกคันเร่ง แล้วแตะเบรกในช่วงเข้าโค้งหักศอก แล้วผ่านโค้งต่างๆ วิ่งด้วยความเร็วทางตรง ยกคันเร่งแล้ว แตะเบรก ซึ่งตัวรถมีอาการโยนบ้าง แต่ก็ให้ความรู้สึกที่มั่นใจ  ขณะที่ พวงมาลัยให้การตอบสนองอย่างรวดเร็วและมั่นใจ จากนั้น ก็ขับวิ่งหลบกรวย ซึ่งในทางตรงนิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ เร่งได้ทันใจมากเมื่อลองอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ซึ่งทำได้ในระยะเวลาเพียง 9 วินาที เรียกว่า บางจังหวะ บางโค้ง สามารถสาดได้อย่างเต็มที่ด้วยความมั่นใจ ไม่มีอาการเสียการทรงตัวให้เห็น ซึ่งในสถานีนี้ ได้ปรับเปลี่ยนโหมดการขับที่ให้ความรู้สึกสนุกในการขับที่แตกต่างกัน

โดยรวมหลังการทดสอบอย่างจุใจไม่จำกัดรอบและเวลา จนกระทั่งพอใจ ต้องยอมรับว่า นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ เป็นรถยนต์คอมแพ็คเอสยูวีเทคโนโลยีไฟฟ้า ที่น่าสนใจมากทีเดียว และน่าจะตอบสนองกับการใช้งานในเมืองได้เป็นอย่างดี ทั้งรูปลักษณ์ภายในนอก ดีไซน์ที่สวยงามในภายใน เทคโนโลยีที่สร้างความมั่นใจในการขับขี่ มี 4 รุ่นย่อย  ได้แก่ รุ่น S  ราคา 889,000 บาท รุ่น E 949,000 บาท  รุ่น V 999,000 บาท และรุ่น VL 1,049,000 บาท มีให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีดำ แบล็ค สตาร์  สีขาว สตอร์ม ไวท์  สีแดง เรเดียนท์ เรด  สีเทา กัน เมทาลิค  สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์  และสีส้ม โมนาร์ช นอกจากนี้ยังนำเสนอสีทูโทน ซึ่งมีให้เลือกเฉพาะในรุ่น VL สำหรับ 4 สี ได้แก่ สีส้ม โมนาร์ช สีแดง เรเดียนท์ เรด สีเทา กัน เมทาลิค และสีขาว สตอร์ม ไวท์

แถมยังมีแคมเปญที่น่าสนใจให้พิจารณา โดยทุกรุ่น มาพร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มีอายุการใช้งานที่นาน มีความทนทาน และคุณภาพสูง เป็นเวลา 10 ปี และรับประกันระบบไฟฟ้าเป็นเวลา 5 ปี และการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่เป็นเวลา 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ