ศึก 2 ชาติสายเลือดโสม... นิคมอุตฯ แกซองรับกรรม

วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2556

ศึก 2 ชาติสายเลือดโสม... นิคมอุตฯ แกซองรับกรรม


วิกฤติความขัดแย้ง 2 ชาติสายเลือดโสม เริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ กระทบภาคเศรษฐกิจในประเทศ เกาหลีเหนือสั่งถอนคนงานทั้งหมดออก จากนิคมอุตสาหกรรม "แกซอง" เจ้าของโรงงานเกาหลีใต้ต้องปิดโรงงาน หลังขาดแรงงานหนัก นานาชาติออกโรงตำหนิโสมแดง สร้างความตึงเครียดในภูมิภาค จากการข่มขู่คุกคาม เกาหลีใต้ และสหรัฐฯ

สถานการณ์ความขัดแย้งบนคาบสมุทรเกาหลี เริ่มตึงเครียดขึ้นทุกขณะ เนื่องมาจากเกาหลีเหนือทดลองนิวเคลียร์เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า พบสัญญาณ ที่บ่งบอกว่า เกาหลีเหนืออาจกำลังเตรียมการทดลองนิวเคลียร์อีกครั้ง หลังมีรายงานอ้างว่า พบการเคลื่อนไหว ที่ผิดปกติบริเวณใกล้กับศูนย์ทดลองนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

โดยเกาหลีเหนือประกาศให้ประชาชนเกาหลีเหนือที่ทำงานอยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรม "แกซอง" ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจร่วมกับฝั่งใต้ เดินทางออกจากพื้นที่และเตรียมปิดสถานที่ อย่างไม่มีกำหนด สำหรับนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยเงินลงทุนจากเกาหลีใต้เมื่อปี 2547 และถือเป็นแหล่ง รายได้สำคัญของรัฐบาลเปียงยาง ทั้งจากภาษีและเงินรายได้ รวมถึงการหักจากค่าจ้างคนงานเกาหลีเหนือที่มีอยู่ราว 53,000 คน โดยนับแต่เปิดดำเนิน การ นิคมฯ แห่งนี้ให้ผลตอบแทนแก่เกาหลี เหนือสูงถึง 5.78 หมื่นล้านบาทแล้ว

ด้านรัฐบาลเกาหลีใต้ ได้เรียกร้อง ให้เกาหลีเหนือยกเลิกคำสั่งห้ามประชาชน ฝั่งใต้เดินทางผ่านเข้าไปยังนิคมอุตสาหกรรมร่วมระหว่างทั้งสองประเทศ หลัง สถานการณ์เริ่มเลวร้าย ผู้ประกอบการ ชาวเกาหลีใต้ทยอยประกาศระงับสายงานการผลิตของตนเองอย่างต่อเนื่อง

นายคิม ฮยองซ็อก โฆษกกระทรวงรวมชาติของรัฐบาลโซล แถลงเรียกร้องให้เกาหลีเหนือพิจารณา ยกเลิกมาตรการห้ามพลเรือนเกาหลีใต้ เดินทางข้ามด่านตรวจเพื่อเข้าไปทำงาน ภายในนิคมอุตสาหกรรม "แกซอง" อีก โดยอนุญาตให้เดินทางกลับได้อย่างเดียว เท่านั้น เนื่องจากสถานการณ์เริ่มวิกฤติ หนัก หลังผู้ประกอบการโรงงานใน แกซอง 13 จาก 123 แห่ง ซึ่งล้วนแล้ว แต่เป็นชาวเกาหลีใต้ ประกาศระงับกระบวนการผลิตในโรงงานของตนอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากขาดแคลนเชื้อเพลิงและวัตถุดิบ แรงงาน และงบประมาณ เนื่องจากรัฐบาลเปียงยาง ห้ามประชาชนฝั่งใต้เดินทางผ่านจุดตรวจ เข้าไปในแกซอง แต่อนุญาตให้เดินทาง ออกมาได้เท่านั้นและห้ามกลับเข้าไปอีก

ขณะเดียวกัน นานาชาติเริ่มออก มาตำหนิเกาหลีเหนือแล้ว ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน กล่าวว่า จะไม่ยอมให้ชาติใดหรือใครก็ตาม มาสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายในภูมิภาค ซึ่งแม้ไม่ได้ เอ่ยชื่อ เกาหลีเหนือ แต่ก็พอจะตีความ ได้ว่า เป็นการเตือนเกาหลีเหนือ จากกรณีที่ข่มขู่ยั่วยุในช่วงเวลากว่า 1 เดือน ว่า จะใช้ระเบิดนิวเคลียร์โจมตีสหรัฐฯ และจะเปิดฉากทำสงครามกับเกาหลีใต้

ขณะที่ นายหวัง ยี่ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศจีน กล่าวว่า ทางการจีนได้คัดค้านการกระทำที่เป็นการยั่วยุ หรือพฤติกรรมการคุกคามที่อาจสร้างความเสียหายให้กับจีนและภูมิภาค มาโดยตลอด เช่น เดียวกับโฆษกกระทรวงต่างประเทศ ของอิหร่าน ก็ตำหนิการกระทำของ เกาหลีเหนือเช่นกัน

ทั้งนี้ จีนได้ชื่อว่าเป็นผู้สนับสนุนทั้งเงินทุนและการทูตต่อเกาหลี เหนือ แต่ระยะหลัง จีนได้แสดงความ ไม่พอใจเกาหลีเหนือมากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุดได้มีการหารือกับสหรัฐฯ เรื่องการใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ของสหประชาชาติต่อเกาหลี เหนือ ที่จะนำไปสู่การเข้มงวดทาง การเงินต่อเกาหลีเหนือ, ตรวจสอบเรือสินค้าต้องสงสัยทุกลำ และห้ามนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยเข้าประเทศนักวิเคราะห์มองด้วยว่า บรรดาผู้นำ ใหม่ของจีน รวมทั้งประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ไม่ได้รู้สึกมีความผูกพันกับ เกาหลีเหนือ เหมือนกับผู้นำรุ่นก่อนๆ และนายคิม จองอึน ผู้นำคนใหม่ของเกาหลีเหนือ ก็ไม่ได้ไปแสดงความภักดีต่อผู้นำจีน เหมือนอย่างที่ บิดาและปู่ของเขาเคยทำตั้งแต่รับตำแหน่ง หลังจากบิดาเสียชีวิตเขาก็ไม่เคยไปเยือนจีนแม้แต่ครั้งเดียว


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ