นายกรีฑากร ศิริอัฐ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด ผู้ให้บริการร้านอาหาร ภายใต้แบรนด์ “ซิซซ์เล่อร์” กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยในประเทศก็ได้มีการล็อกดาวน์ด้วยการปิดห้างสรรพสินค้าในช่วงระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา พบว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมหรือตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดในประเทศไทยแนวโน้มการภาพรวมการสั่งซื้ออาหารในรูปแบบเดลิเวอรี่เติบโตขึ้นขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยในส่วนของซิซซ์เล่อร์เองในช่วงล็อกดาวน์ปิดห้างและเราไม่สามารถเปิดร้านให้บริการนั่งทานในร้านได้ชั่วคราวทำให้ยอดขายลดลงไปกว่า 90% แต่เราก็ยังคงสามารถขายผ่านช่องทางเดลิเวอรี่ได้ส่งผลให้ช่วงระยะเวลาดังกล่าวยอดขายในส่วนของดีลิเวอรีมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวอยู่ที่ 10% จากเดิมอยู่ที่ 5% ในช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์การระบาดของโควิด19
อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบันรัฐบาลได้ประกาศคลายล็อกดาวน์เฟส 3 โดยอนุญาติให้ร้านอาหารภายในศูนย์การค้าสามารถเปิดให้บริกาและนั่งทานได้แล้วภายใต้มาตรการควบคุมสุขลักษณะอย่างเข้มงวดตามนโยบาย Social distancing แต่เรากลับพบว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคในช่องทางเดลิเวอรี่ยังไม่ลดลงยังคงมีอัตราการเติบโตดีเช่นเดิม
ทั้งนี้ หลังจากช่วงล็อคดาวน์บริษัทได้ทดลองเปิด “คลาวด์ คิทเช่น” (Sizzler Cloud Kitchen) สาขาแรกบริเวณสี่แยกมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่เป็นโมเดลครัวกลางรูปแบบใหม่ให้บริการที่ สะดวก ใกล้บ้าน จากการนำเอาคอนเซ็ปต์ Cloud มาประยุกต์ใช้กับร้านอาหารโดยการยกครัวของซิซซ์เล่อร์มาไว้ในร้านเดลิเวอรี่ของบริษัทในเครือเพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้าได้ทั้งในรูปแบบเดลิเวอรี่และสั่งกลับบ้านได้รับอาหารรวดเร็วขึ้นสดร้อนเหมือนมีเชฟมาปรุงให้บ้าน ด้วยที่ตั้งสาขาใกล้บ้านในระยะ 3 กิโลเมตร อีกทั้งสามารถสั่งอาหารได้ถึง 3 แบรนด์ ภายในออเดอร์เดียว ทั้งซิซซ์เล่อร์ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี และบอนชอน รวมทั้งอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่ไม่ต้องเดินทางไปที่ร้านอาหารในศูนย์การค้า ซึ่งในเดือนมิ.ย.นี้จะเปิดอีก 2 แห่ง ได้แก่ที่ ประชาอุทิศ 90 และ ดอนเมือง ทั้งนี้จากแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องของช่องทางดังกล่าวบริษัทคาดว่าสัดส่วนยอดขายในช่องทางเดลิเวอรี่จะเติบโตขึ้นเป็น 30% ของยอดขายรวมภายใน 2 ปีนับจากนี้
ผู้บริหารกล่าวต่อว่า แม้ขณะนี้เราจะสามารถเปิดร้านอาหารให้นั่งทานได้แล้วก็ตามแต่เรายังไม่สามารถเปิดได้ทุกสาขาที่เรามี ซึ่งตอนนี้เราเปิดให้บริการได้เพียง 80% จากทั้งหมด 57 สาขา โดยเฉพาะจะยังไม่เปิดบริการในสาขาที่มีกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวเนื่องจากปริมาณลูกค้ายังกลับมาเพียง 20% อาทิ ชลบุรี พัทยา ภูเก็ต ส่วนหัวหิน เพิ่งเปิดบริการเพียงสาขาเดียว จาก 2 สาขา เนื่องจากเรายังต้องรักษาระยะห่างทางสังคมทำให้จำนวนที่นั่งยังคงจำกัดไม่สามารถรองรับลูกค้าได้เต็มจำนวนที่มีซึ่งเราคาดว่าจะกลับมาเปิดได้ 100% ทั้งหมดน่าจะประมาณไตรมาสที่ 4
“สำหรับทิศทางภาพรวมธุรกิจร้านอาหารในปีนี้ทั้งปีเติบโตลดลงอย่างแน่นอนเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาในส่วนของบริษัทเองพบว่ายอดขายในไตรมาส 2 ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับทุกไตรมาส แต่ปีนี้บริษัทก็พยามที่จะรักษายอดขายให้ได้ใกล้เคียงกับปี 2562 ที่ผ่านมาให้จงได้ถึงแม้ว่าคาดการณ์ว่าภาพรวมธุรกิจร้านอาหารครึ่งปีหลังการแข่งขันจะดุเดือดทั้งการทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายสำหรับทานที่ร้านและช่องทางเดลิเวอรี่ นอกจากนี้บริษัทจะเดินหน้าพัฒนากลยุทธ์การทำตลาดที่ครอบคลุมทั้งการให้บริการภายในร้าน ตลอดจนเสริมแกร่งแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่และแกร็บแอนด์โก ภายใต้แนวคิด “New Sizzler New Normal” ตามนโยบาย Social distancing อย่างเคร่งครัดเพื่อความสบายปลอดภัยสำหรับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ”
ด้าน นางนงชนก สถานานนท์ ผู้ช่วยรองประธานบริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด ผู้ให้บริการร้านอาหาร ภายใต้แบรนด์ “ซิซซ์เล่อร์” กล่าวต่อว่า หลังจากที่ ซิซซ์เล่อร์ได้เปิดตัวโมเดล Sizzler to Go สาขาแรกที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสศาลาแดง ซึ่งได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี จากกลุ่มผู้บริโภคคนรักสุขภาพ อีกทั้ง ซิซซ์เล่อร์ยังเดินหน้าขยายสาขาใหม่อีก 7 สาขา โดยแบ่งเป็น 4 สาขา ในรูปแบบ Standalone kiosk ที่ สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส อโศก ช่องนนทรี สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินพระราม 9 ดิออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์และรูปแบบแกร็บแอนด์โกที่หน้าร้านซิซซ์เล่อร์ ที่เซ็นทรัล เวสต์เกต เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และห้างแฟชั่นไอส์แลนด์เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากยิ่งขึ้นโดยทั้ง 7 แห่งจะพร้อมให้บริการในไตรมาสที่ 2
