หากเอ่ยถึง "คิงส์สเตลล่า" เชื่อว่าหลายคนคงจะต้องร้องอ๋อ และนึกถึงเจ้าสเปรย์ปรับอากาศอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยความที่เป็นผู้บุกเบิกตลาดเจ้าแรกในเมืองไทย และอยู่คู่คนไทยมายาวนานกว่า 50 ปี ทำให้ติดอันดับท็อปทรีมาโดยตลอด แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่องก็ตาม
ทั้งนี้ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ และเป็นคนก่อตั้งแบรนด์ดังกล่าวขึ้นม คือ "สุเทพ กิตติเกษมศักดิ์" ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจผลิตและจำหน่ายสเปรย์หอมปรับอากาศ "คิงส์สเตลล่า" ซึ่งถือเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย โดยเริ่มผลิตออกจำหน่ายตั้งแต่ปี 2506 เป็นต้นมา
เริ่มแรกเน้นการจำหน่ายตามสถานบันเทิง อาทิ บาร์ คาเฟ่ และอาบอบนวด ก่อนจะขยายไปยังห้างสรรพสินค้า และร้านค้าต่างๆ มาจนถึงปัจจุบัน
หลังจากนั้นจึงได้ให้ "ชนะพันธุ์ กิตติเกษมศักดิ์" ซึ่งเป็นบุตรชายเข้ามาช่วยดูแลกิจการ โดยรับผิดชอบงานในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป และในปีเดียวกันได้มีการจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท สยามพูลทรัพย์ อินเตอร์เคมีคอล จำกัด เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจซื้อมาขายไปโดยจำหน่ายสินค้าประเภท 1.แอร์โรโซล 2.มิกซ์ซิ่ง 3.เจล เพื่อจัดจำหน่ายสินค้า ทั้งในและต่างประเทศ
เมื่อปี 2536 ได้เล็งเห็น การขยายตัวของธุรกิจคาร์ แคร์ จึงได้เน้นการทำตลาดสินค้าบำรุงรักษารถยนต์ ภายใต้แบรนด์ "Wax One" เพื่อรองรับความต้องการ ในการดูแลรถยนต์ของผู้บริโภคจนถึงปัจจุบัน
หลังจากนั้นในปี 2537 "สุเทพ กิตติเกษมศักดิ์" ได้ถึงแก่อนิจกรรม และได้มอบกิจการทั้ง หมดให้แก่ "ชนะพันธุ์ กิตติเกษมศักดิ์" และ "วิลาสินี กิตติเกษมศักดิ์" เป็นผู้ดำเนินกิจการต่อไป และในปี 2539 ได้ริเริ่มจัดตั้งศูนย์วิจัย และพัฒนา ผลิตภัณฑ์ โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำและเครื่องมือ เครื่องทดลองครบครัน ที่สำนักงานถนนพัฒนาการ
นอกจากนี้ ได้จัดตั้งแผนกส่งออกขึ้นมาในปี 2543 เพื่อแนะนำสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ภายใต้แบรนด์ของบริษัท จวบจนปัจจุบันได้มีการส่งสินค้าไปเกือบทั่วโลก อาทิ อิหร่าน สิงคโปร์ พม่า ลาว เขมร และได้รับเครื่องหมาย "ไทยแลนด์ แบรนด์" จากกรมส่งเสริมการ ส่งออก กระทรวงพาณิชย์ในปี 2544
ทั้งนี้ ในปี 2550 ได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิก MDICP รุ่นที่ 9 โดยมีชื่อเต็มของโครงการว่า โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิต เพื่อยกระดับความสามารถการแข่งขัน เป็นโครงการของกระทรวงอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ที่ทำให้คิงส์สเตลล่าประสบความสำเร็จ และอยู่มาจนถึงวันนี้ได้ เห็นจะเป็นเรื่องของกลยุทธ์การตลาด "น่านน้ำสีม่วง" หรือ Purple Ocean คือ จะทำอะไรต้องมีการวาง แผนให้ดีก่อน โดยเฉพาะการศึกษาข้อมูล และสินค้าต้องมีจุดขายในตัวเอง ที่สำคัญสิ่งที่คิดจะต้องทำให้ได้ด้วย ตลอดจนให้ความสำคัญกับทีมงาน เพราะเป็นตัวขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวไปข้างหน้า สามารถปรับเปลี่ยนการทำงานให้ทันต่อสถานการณ์ และสินค้าต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม