จากนักสะสมพระ.. สู่เซียนหินมืออาชีพ (3) “ดร.ไพโรจน์ สุขจั่น” ประธานกก.บริหาร บัวทอง พร็อพเพอร์ตี้

วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

จากนักสะสมพระ.. สู่เซียนหินมืออาชีพ (3) “ดร.ไพโรจน์ สุขจั่น” ประธานกก.บริหาร บัวทอง พร็อพเพอร์ตี้


ผ่านมาสองตอนเต็มๆ กับเรื่องราวของ ดร.ไพโรจน์ สุขจั่น ประธานกรรมการบริหารกลุ่ม บริษัท บัวทอง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด นักธุรกิจหนุ่มที่มองจากเปลือกนอกเสมือนหนึ่งเป็นคนธรรมดาแต่เมื่อได้มีโอกาสไปสัมผัสพูดคุยด้วยแล้ว เชื่อว่าหลายๆ คนคงคิดเช่นเดียวกับเราว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องของชีวิตส่วนตัวที่หลายคนรวมถึงตัวเขาเองก็ไม่คิดว่าจะมาได้ไกลถึงขนาดนี้
โดยเฉพาะความเดิมจากตอนที่แล้วกับภาพแห่งความเป็นนักสะสมพระเครื่องทองคำก็ดี หรือแม้แต่พระเครื่องดังๆ เฉกเช่นพระสมเด็จฯ ที่เขาสารภาพอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า "โดนหลอกเสียจนเข็ด" ก่อนจะเล่าถึงประสบการณ์ที่แสนจะเจ็บปวดจากการเช่าพระเมื่อครั้งอดีต ให้เราฟังอย่างเปิดเผย ไม่ว่าจะพระสมเด็จฯที่เช่ามาเฉียด ล้านหรือแม้แต่ชุดทองคำเช่นเหรียญหลวงพ่อโสธร, เหรียญ 25 ศตวรรษ ที่มาตรวจสอบทีหลังพบว่าเป็นพระเก๊ทั้งหมด อันเป็นที่มาทำให้เขาตัดสินใจเปลี่ยนแนวคิดด้วยการหันมาเช่าจากบรรดาเซียนใหญ่ในวงการพระเครื่องเพื่อความ สบายใจ ฉบับนี้มาคุยกันต่อ
"ถ้าคิดเป็นตัวเลขผมว่าน่าจะเป็นตัวเลข 7 หลักขึ้น ทุกวันนี้ผมก็ยังคงเก็บพระชุดนี้ไว้ ตอนหลังผมมาคิดว่าเรายอมซื้อพระแพงดีกว่าจากเซียนพระเช่นคุณพยัพ คำพันธุ์ หรือจากเซียนคนอื่นๆ มันทำให้เราสบาย ใจ แขวนแล้วทำให้มีความเชื่อมั่นว่าพระท่านสามารถคุ้ม ครองภัยให้เราได้"
"คุณไพโรจน์" ยังได้แสดงความเห็นถึงการเช่าพระ โดยเฉพาะพระสมเด็จฯที่พบว่ามีการเช่ากันในราคาที่แพง สุดๆ ว่า สำหรับตนแล้วคิดว่าบุญยังไม่ถึง ที่ผ่านมาถึงแม้ จะมีคนนำมาให้แต่ก็ยังไม่ใช่ของจริง แต่จะให้ไปเช่าด้วยราคาองค์ละ 20 กว่าล้านคิดว่ามันเกินความจำเป็น "นี่คือ ความรู้สึกของผมในฐานะคนทำธุรกิจ บางคนเขามีเงินถุง เงินถังอย่างนั้นเขาย่อมทำได้ แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่าเงิน ยังคงมีค่าและเราก็ยึดพระเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ไปไหนมาไหนเราคิดดี ทำดีย่อมได้ดี ไปไหนเรามีสิบมือ พนม บางคนแขวนพระถึงให้ดีขนาดไหนแต่ถ้าปากไม่ดีไปด่าพ่อด่าแม่เขา ไปตีเขาก่อน พระไม่คุ้มครองอยู่แล้ว"
ถ้ามีเวลาผมจะสวดมนต์นั่งภาวนา คือเราคิดว่าเราเกิดมาทั้งทีต้องเป็นดีของสังคม ถ้าเราเป็นคนดีของ สังคมแล้วใครก็ไม่ทำอะไรเรา อย่างที่เรามีพระไว้คุ้ม ครองก็เพื่อเป็นกำลังใจหรือว่าทำให้เราสบายใจขึ้น ถ้า ให้เลือกระหว่างปืนกับพระผมเอาพระ อย่างช่วงหาเสียง เลือกตั้งบางทีผมไปถึงวัดแล้วเอามือจับดูที่คอตายแล้ว พระไม่มีติดตัว ต้องให้ลูกน้องกลับไปเอาพระมาให้ถึงจะเดินทางออกจากวัดได้ เพราะมันไม่สบายใจ การแขวน พระมันทำให้เราแคล้วคลาดปลอดภัย ส่วนตัวแล้วเรา ไม่ต้องการเรื่องความเหนียว
การสนทนาระหว่างเราเริ่มออกรสชาติมีสีสันมากขึ้นเมื่อเราได้สอบถามถึงประเด็นเรื่องของประสบการณ์ที่เกิด ขึ้น แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เราได้รับคำตอบกลับทำให้เราอดที่จะซักถามต่อไม่ได้ เพราะเขาบอกกับเราว่าตนเองมีประสบการณ์ในเรื่องแคล้วคลาดเหมือนกัน แต่เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากพระหิน หนำซ้ำเขายังได้เล่าให้ฟังต่อถึง แนวทางในการสะสมหิน ที่เชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินได้ฟังที่ไหนมาก่อน โดยเฉพาะใครจะเชื่อว่าจากหินที่เก็บสะสมไว้ทั้งชิ้นเล็กชิ้นน้อยจะทำให้ภายในบ้านเขาเกิดเป็นประติมากรรมจากการสรรค์สร้าง นั่นคือถ้ำหิน
"ผมเก็บสะสมหินเกือบทุกชนิดทั้งของเมืองไทยและต่างประเทศ อาทิ หินเขี้ยวหนุมาน, หินไทเกอร์ไอออน หรือที่รู้จักกันในนามของหินดูดทรัพย์ของวัดธรรมกาย, หินโรสควอตซ์ หรือหินอะไรต่างๆ อีกสารพัด รวมถึงประเภทพวกเหล็กไหลผมก็เก็บสะสม คือเรามาคิดว่าหินแต่ละชนิดความหมายมันดี หินบางชนิดมันสามารถที่จะบำบัดรักษาโรคได้ ขณะเดียวกันหินบางชนิดก็สามารถนำความร่ำรวยมาสู่ผู้ที่เคารพบูชาอะไรอย่างนี้ บางคนบอกหิน สะเก็ดดาวหรืออัญมณีนอกโลก เหมือนกับหินดาวตกเป็นหินที่สามารถกันคุณไสยฯได้ หรือนำโชคลาภ บางคนก็เอา มาแขวนคอ บางคนใส่พานกราบไหว้บูชา แต่สำหรับผมจะเอาไปแกะเป็นพระบ้าง จตุคามบ้าง หรือแกะเป็นโน่นเป็น นี่อย่างรัชกาลที่ 5 อันนี้ก็ถือเป็นความเชื่อนะครับ"
พักหลังพอมันอิ่มตัวแล้วไม่มีที่จะเก็บ ถ้าเผื่อก้อนใหญ่มากๆ ผมก็จะนำไปถวายวัด หินบางทีหนัก 20 ตัน อย่างพระรูปเหมือนรัชกาลที่ 5 ผมแกะมาเพื่อถวายที่บางบัวทอง แกะเสร็จปรากฏว่าถวายไม่ได้เพราะต้องขออนุญาตหลายขั้นตอน ก็เลยต้องเก็บรักษาท่านไว้ที่บ้าน โดยหินที่นำมาแกะนั้นเป็นหินหยกน้ำ บางทีก็เรียก ว่าหยกดำ พระรูปองค์นี้ปลุกเสกที่วัดไผ่ล้อมแล้วนะ ตอนเอาปลุกเสกต้องใช้รถเครนขนาดใหญ่ยกท่านไปตั้งหน้าโบสถ์ พอถวายไม่ได้ก็เลยมีความตั้งใจว่าทุกปีในวันที่ 23 ต.ค.ซึ่งเป็นวันปิยมหาราช ผมก็จะเปิดบ้านให้คนมากราบไหว้ แต่ละปีก็ประมาณ 2,000-3,000 คน เรียกว่าเต็มไปหมดขนาดที่จอดรถไม่พอ
เรื่องราวของดร.ไพโรจน์ สุขจั่น ยังไม่จบ ตอนหน้าเราจะกลับมาคุยกันต่อกับเรื่องของประสบการณ์เฉียดตาย และเรื่องราวแห่งปาฏิหาริย์ของสารพัดหิน รวมถึงแง่มุมทางความคิดทำไมผู้ชายคนนี้ถึงเชื่อเรื่องกรรม แล้วพบกันตอนหน้า


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ