แบรนด์หรูโชว์พลังเอเชียเติบโตแรง ไฮโซจีนช็อปกระจาย ส่วนไทยขึ้นแท่นแนวหน้าอาเซียน เผยนาฬิกาประดับเพชรขายดี "ชาร์ริโอล์" เดินหน้าบุกตลาดแฟชั่นลักชัวรี่ เปิดคอลเล็กชั่นพิเศษ 5 รุ่นในปีนี้ ส่ง "St.Tropez Plum" ฉลอง 30 ปี เล็งขยายสู่นักศึกษา เริ่มต้นราคา 30,000 บาท คาดปีนี้เติบโต อย่างน้อย 10%
นายเบอร์นัวร์ เดอครัวร์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย และการตลาด ฟิลิปป์ ชาร์ริโอล์ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า ตลาดสินค้าลักชัวรี่ในเอเชีย มีทิศทางการเติบโตที่ดีมาก ส่งผลให้ยอดขายนาฬิกาชาร์ริโอล์ในเอเชียมีอัตราการเติบโตสูงสุดเป็นตัวเลข 2 หลัก ส่งผลต่อรายได้ของชาร์ริโอลจากเอเชียในปีที่ผ่านมามีสัดส่วนเกือบ 50% ขณะที่กลุ่มประเทศตะวันออกกลางอยู่ที่ 30% ที่เหลืออีกกว่า 20% คือตลาดยุโรปและอื่นๆ
สำหรับในเอเชีย จีนถือเป็นตลาดใหญ่ที่กำลังเติบโตมากโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าลักชัวรี่ ส่วนประเทศที่เติบโตสูงสุดในอาเซียนคือประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูงขึ้น นาฬิการุ่นที่ขายดีในเมืองไทยอยู่ระดับราคา 60,000-90,000 บาท โดยกลุ่มนาฬิกาประดับเพชรมีการขายดีมากขึ้นด้วย
"ชาร์ริโอล์" (Charriol) เป็นนาฬิกา หรูจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นแบรนด์ผู้ผลิตสินค้าลักชัวรี่ที่เป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลก จำหน่ายนาฬิกาหรูที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว "Cable Concept" มานานกว่า 30 ปี โดยผลประกอบการยอดขายโดยรวมทั่วโลกในปี 2555 เติบโตขึ้นกว่าปี 2554 ประมาณ 10-20% ส่วนปีนี้มีเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจประ- มาณ 10-15% และคาดว่าตลาดในเอเชีย และไทยจะโตขึ้นอีก 15% เนื่องจากชาร์ริโอล์ได้ส่งสินค้าใหม่กว่า 9 คอลเล็กชั่น
โดยปีนี้ได้แนะนำนาฬิกาคอลเล็กชั่นพิเศษ "St.Tropez Plum" รุ่นฉลองครบรอบ 30 ปี ซึ่งยังคงเอกลักษณ์ความโดดเด่นด้วยสายเคเบิล มาพร้อมกับหน้าปัดสีม่วงอันเป็นสีของชาร์ริโอล์ จัดทำขึ้นเป็นพิเศษเพียง 300 เรือนทั่วโลก โดยนำมาจำหน่ายในเมืองไทย 100 เรือน นอก จากนั้น ยังมีแผนการเปิดตัวคอลเล็กชั่น พิเศษอีก 3 คอลเล็กชั่น รวมเป็น 5 คอลเล็กชั่นสำหรับปีนี้ ซึ่งมากกว่าทุกปีซึ่งจะมีการแนะนำ 2-3 คอลเล็กชั่น นอกจากนั้นยังมีกลุ่มเครื่องประดับซึ่งมีการออก แบบที่สอดคล้องกับนาฬิกาอีกด้วย
ในโอกาสครบรอบ 30 ปีของชาร์ริโอล์ ยังมีเป้าหมายการขยายตลาดในประเทศไทยและอาเซียน ทั้งฟิลิปปินส์ ไต้หวัน สิงคโปร์ และมาเลเซีย โดยประเทศไทยจะทำการเปิดสาขา เพิ่มอีกประมาณ 3 สาขาใช้งบประมาณ 2 ล้านบาทต่อสาขา พร้อมการรีโนเวตสาขาเดิมเป็น "The New Concept" โดยจะใช้งบประมาณ 2 ล้านบาทต่อสาขา
นายปรมินทร์ ศรีชวาลา ประธานบริหาร บริษัท เอเวอร์ เรส เวิลด์ จำกัด ตัวแทนนำเข้า และผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ "ชาร์ริโอล์" กล่าวว่า บริษัทได้รับสิทธิ์ในการทำตลาดและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ "ชาร์ริโอล์" ในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียวเป็นระยะเวลานานกว่า 7 ปี โดยในปีนี้บริษัทมีแผนขยายสาขาเพิ่ม จากปัจจุบันมีจุดจำหน่าย 19 สาขา และดีลเลอร์ 2 ราย สำหรับผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้าเติบโตไม่น้อยกว่า 10%
บริษัทจะใช้งบประมาณการทำตลาดประมาณ 15% ของยอดจำหน่าย ทั้งในด้านการจัดกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย ทั้งการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ผ่านสื่อ นิตยสาร การจัดอีเวนต์ และในไตรมาสที่ 3 จะมีสินค้าใหม่จาก Basel มาขายในงาน Paragon Watch Expo และ Central International Watch Fair อีกด้วย
สำหรับภาพรวมตลาดนาฬิการะดับลักชัวรี่ยังมีทิศทางการเติบโตที่ดี หากไม่มีปัจจัยลบที่เข้ามาลดทอนอารมณ์ในการจับจ่าย นอกจากนั้นชาร์ริโอล์ยังเป็นนาฬิกาแฟชั่นที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่อายุ 25-45 ปี จึงมีกลุ่มลูกค้าใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ได้แนะนำนาฬิกาคอลเล็กชั่นใหม่ "AEL" ที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ด้วยราคาเริ่มต้นประมาณ 30,000 บาท ซึ่งการตัดสินใจซื้อแบรนด์ชาร์ริโอลล์ คือเอกลักษณ์ของนาฬิกาสายเคเบิลที่ไม่เหมือนใคร และมีลิมิเต็ดเอดิชั่นออกมาสร้างสีสันเอาใจนักสะสมทุกปี
นอกจากนั้นยังพบว่า กระแสของนาฬิกาแฟชั่นระดับลักชัวรี่ยังเติบโตดีกว่านาฬิกาคลาสสิก ซึ่งแม้จะมีราคาสูงกว่า แต่ความถี่ในการซื้ออาจจะน้อยกว่านาฬิกาแฟชั่น ซึ่งมีคอลเล็กชั่นใหม่ๆ ออกมากระตุ้นตลาดเสมอ กล่าวได้ว่าปัจจุบันตลาดนาฬิกาคลาสสิก เติบโตประมาณ 10% แต่ตลาดนาฬิกาแฟชั่นลักชัวรี่เติบโตมากกว่านั้น โดยชาร์ริโอล์ถือว่าไม่มีคู่แข่งโดยตรงเนื่องจากมีเอกลักษณ์ของนาฬิกาสายเคเบิลเพียงแบรนด์เดียว แต่หากในตลาดนาฬิกาแฟชั่นลักชัวรี่มีคู่แข่งที่สำคัญอย่าง "กุชชี่" เป็นผู้นำตลาด
สำหรับนาฬิกาแบรนด์ "ชาร์ริโอล์" ก่อตั้งขึ้นในปี 1983 โดยมีบริษัทแม่อยู่ในกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์ แลนด์ ปัจจุบันมีบริษัทสาขา 3,800 แห่ง และ 185 บูติก ทั่วโลก ในยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลางและเอเชีย โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มนักศึกษาและกลุ่มทำงาน อายุอยู่ระหว่าง 25-45 ปี
ปัจจุบัน "ชาร์ริโอล์" ได้กลายเป็นสินค้าลักชัวรี่ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ไลน์สินค้าได้ขยายเพิ่มเป็นหลายประเภท อาทิ เครื่องหนัง จิวเวลรี่ ปากกา แว่นตา และน้ำหอม ตัวเลขยอดขายของชาร์ริโอล์จะมีสถิติการเติบโตอยู่ที่ 2 หลักมาตลอดทุกปี โดยในปี 1999 แบรนด์ "ฟิลลิปป์ ชาร์ริโอล์" ได้เปลี่ยนชื่อเหลือเพียง "ชาร์ริโอล์" และในปีเดียวกันนั้นสีม่วงลูกพรุนได้กลายเป็นสีตัวแทนของแบรนด์ ชาร์ริโอล์ และสีม่วงลูกพรุนถูกนำเสนอเป็นสีหลักในสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่างๆ แพ็กเกจจิ้ง การทำการตลาดเพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่เป็นหนึ่งเดียวกันทั่วโลก