ช่วงนี้ประเด็นฮอตในแวดวงคมนาคมคงหนีไม่พ้น “การบินไทย” ขาดทุนยับ! จนภาครัฐต้องเข้ามาโอบอุ้มด้วยการช่วยกู้เงิน 5 หมื่นล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่อง
เมื่อเจาะลึกเข้าไปถึงแกนในของการบินไทยแล้ว มีหนี้สะสมเบาๆ แค่ 2.4 แสนล้านบาท โดยปี 2562 ขาดทุนมากถึง 1.2 หมื่นล้านบาท ถ้าไม่ปรับปรุงลดค่าใช้จ่าย ไม่นานหนี้สินอาจทะลุ 3 แสนล้านบาทในเร็ววันนี้แน่
การที่นายกรัฐมนตรี “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ยื่นคำขาดว่า การช่วยกู้ 5 หมื่นล้านนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย แต่เมื่อยังคงอยู่เป็นรัฐวิสาหกิจไทย ยังไงภาครัฐก็ยังคงต้องอุ้มอยู่ร่ำไป
ถ้าจะให้ชัดเจน ต้องศึกษาแผนสายการบิน Japan Air Line JAL เพราะเคยเป็นรัฐวิสาหกิจของญี่ปุ่นเช่นกัน แม้จะเคยยิ่งใหญ่สูงสุดจนเป็นสายการบินที่มีรายได้มากที่สุดในเอเชีย แต่เมื่อเจอมรสุมซัดจนขาดทุนเรื้อรัง ไม่สามารถชำระหนี้ได้ สุดท้ายยื่นล้มละลาย เข้าโครงการฟื้นฟู ปรับโครงสร้างหนี้ เปลี่ยนผู้บริหาร ปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ทั้งหมด สุดท้าย JAL พลิกสถานการณ์จากเป็นหนี้หลายแสนล้าน กลับมาทำกำไร หลายหมื่นล้าน ในท้ายที่สุด
และถ้าหากภาครัฐยังอุ้มการบินไทยต่อไปเรื่อยๆ จากกู้ 5 หมื่นล้าน อาจเป็นแสนล้าน หรืออาจทะลุถึงสองแสนล้าน แล้วใครจะรับผิดชอบถ้าไม่ใช่ประชาชนคนไทย
แล้วเคยคิดบ้างไหมว่า “เวลาการบินไทยมีผลกำไร เงินทุกบาททุกสตางค์แบ่งให้ผู้ถือหุ้น แต่เวลาขาดทุนเป็นภาระของคนทั้งชาติ”
หลายๆ นักวิเคราะห์ ตีตัวเลขการเอาเงินไปอุ้มการบินไทยได้อย่างน่าสนใจมากๆ โดยวางเงินก้อนโตกว่า 1.5 แสนล้านบาทที่จะช่วยอุ้มการบินไทยเอาไปทำอะไรได้บ้าง ตีออกมาให้เห็นชัดๆ คือ ประชาชนนั่งรถไฟ-รถเมล์ฟรี 44 ปี ทางด่วนฟรี 6 ปี รถไฟฟ้าฟรี 3 ปี เพียงแค่นี้ก็สร้างประโยชน์ให้คนในชาติได้มากโข
แต่ในทางกลับกัน การเอาเงินไปช่วยอุ้มการบินไทยนั้น ประชาชนคนไทยก็ยังเอื้อมไม่ถึงราคาตั๋วการบินไทยอยู่ดี เพราะราคาแพงหูฉี่ทีเดียว จนต้องหันไปใช้บริการสายบริการสายการบินสัญชาติอื่นแทน ตรงนี้ก็ถือเป็นการเอาเงินไปช่วยอุดหนุนสายการบินชาติอื่น สุดท้ายเงินทุกบาทถูกขนไปอยู่ต่างชาติหมด
แล้วประชาชนคนไทยได้อะไรบ้างจากกรณีนี้ ถามใจเธอดู....
โดย...ฟันเหล็ก