นายศราวุฒิ รัชนกูล กรรมการผู้จัดการบริษัท เจ.บี.พี. อินเตอร์เนชั่น แนลเพ็นท์ จำกัด เปิดเผยว่า เจ.บี.พี. เป็นสีที่อยู่ในความเชื่อมั่นของผู้บริโภคมานานนับเป็น 35 ปี โดยปีนี้มีการปรับเป้าหมายการตลาด เพื่อปั้นแบรนด์สู่สินค้าระดับบน
ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้ทำการปรับสัดส่วนการผลิตสีเกรดต่ำให้ลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง หากพิจารณาเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา เจบีพีมียอดการผลิตประมาณ 2 หมื่นตันต่อปี คิดเป็น 85-90% ของกำลังการผลิตโดยรวม ทั้งนี้พบว่า ปัจจุบันปริมาณการผลิตลดลงแต่รายได้เพิ่มขึ้น
แผนตลาดเชิงรุกในปีนี้ คือการปรับปรุงคุณภาพสินค้าให้ดีขึ้นและสูงขึ้น โดยปีนี้จะแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่เจาะตลาด สีเกรดสูงตามมาตรฐาน มอก. 2321-2549 สีอิมัลชันทนสภาวะอากาศที่มีคุณสมบัติในการเช็ดล้างได้ง่ายและกันความร้อน พร้อมรีแบรนด์ด้วยสินค้าใหม่พร้อมกับโฆษณาตัวใหม่ นอกจากนั้นจะทำ การเพิ่มศูนย์ผสมสีอัจฉริยะ JBP Color Universe ไปยังทั่วประเทศ เพื่อเปิดตลาดใหม่ในบริเวณที่ยังขาดผู้แทนจำหน่าย รวมทั้งแผนการเพิ่มพนักงานขายสำหรับงานโครงการ นอกจากนั้น ยังมีแผนการเพิ่มผู้เชี่ยวชาญในตัวสินค้าประจำ ณ จุดขายที่สำคัญ
จุดเด่นของสีเจบีพี คือ เเบรนด์ไทย แท้ของคนไทย 100% ที่มีความสามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยทัดเทียมกับแบรนด์ต่างชาติ ในราคาที่สามารถแข่งขันได้เมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าในเกรดเดียวกัน โดยเน้นเรื่องของการสร้างสัมพันธ์กับดีลเลอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางการกระจายสินค้าที่สำคัญที่ช่วยให้เจบีพีเป็นที่รู้จักในตลาดมากขึ้น
ภาพรวมตลาดสีทาอาคารในปัจจุบัน มีมูลค่ากว่า 1.7 หมื่นล้านบาท และเป็นตลาดที่มีการแข่งขันที่รุนแรง จากการเข้ามาของแบรนด์ใหม่ ซึ่งมีการใช้สื่อโฆษณาเป็นเครื่องมือสื่อสารอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีการขยายตัวของศูนย์ผสมสีพร้อมด้วยพนักงานขายที่คอยแนะนำและให้บริการอย่างใกล้ชิด รวมทั้งการแข่งขันของราย การส่งเสริมการขายที่มีทุกเดือน ขณะที่ช่องทางตลาดโครงการมีการแข่งขันที่รุนแรงไม่แพ้กัน โดยมุ่งไปที่การแข่งขันด้านราคาเป็นหลัก
นายศราวุฒิ กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนการขยายการผลิต โดยพิจาณาการย้ายฐานการผลิตไปยังลาดหลุดแก้ว ปทุมธานี ซึ่งเคยเป็นแผนที่วางไว้และชะลอไปในช่วงวิกฤติฟองสบู่แตก ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในการตรวจสอบความเหมาะสมของที่ดิน แต่อย่างไรก็ตาม โรงงานเดิมที่มียังสามารถรองรับการผลิตที่เติบโตได้อีกพอสมควร แผนการย้ายโรงงานจึงใช้เวลาอีกสักระยะ
ส่วนแผนขยายการส่งออกเพื่อรอง รับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ขณะนี้ได้มีการศึกษาตลาดส่งออกในกลุ่มประเทศอาเซียนมากขึ้น เริ่มจากการสำรวจตลาดเพื่อนบ้านไม่ว่าจะเป็นพม่า เวียดนาม และการมองหาพันธมิตรทางธุรกิจรวมทั้งตัวแทนจำหน่ายในแต่ละประเทศ
อย่างไรก็ตาม การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน มีผลต่อการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากสีจากประเทศเพื่อนบ้านมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า แม้จะเป็นแบรนด์ใหม่ที่ลูกค้าไม่รู้จัก แต่ตลาดล่างเป็นตลาดที่แข่งขันกันด้วยราคาเป็นหลัก ดังนั้นตลาดสีระดับล่าง จะได้รับผลกระทบนี้อย่างแน่นอน
ปัจจุบันสีเจบีพีมีรายได้ประมาณ 1 พันล้านบาท มีส่วนแบ่งตลาดสีทาบ้านประมาณ 4% คาดว่าในปีนี้จะมีการเติบโต ของรายได้ที่ประมาณ 5%