อิตาลี เตรียมแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ เล็งใช้ "ข้อตกลงการใช้จ่าย" เพื่อให้มีการลงทุนจากภาคธุรกิจและมีการจับจ่ายจากผู้บริโภค หลังยุติภาวะชะงักงานทางการเมืองกว่า 2 เดือนลงได้ "เอน ริโก เล็ตตา" นั่งผู้นำคนใหม่ ยอมจับมือ ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ คู่ปรปักษ์ทางการเมืองตั้งรัฐบาลผสม ด้าน มูดี้ส์ชี้ อิตาลีอาจยังต้องการความช่วยเหลือการเงิน แม้ปลดล็อกการเมืองได้

นายเอนริโก เล็ตตา ผู้นำพรรคเดโม เครติค หรือพีดี เป็นผู้นำพรรคร่วมรัฐบาล สาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอิตาลีที่ทำเนียบประธานาธิบดี พร้อม คณะ รัฐมนตรีชุดใหม่ โดยมีประธานาธิบดีจิออร์จิโอ นาโปลิทาโน เป็นประธาน ในพิธี หลังจับมือพรรคพีเพิ่ลออฟฟรีดอมของนายซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ ทำให้ทั้ง 2 พรรค ต่างเป็นพรรคการเมืองที่เป็นปรปักษ์กัน เป็นสัญญาณสิ้นสุดภาวะชะงักงันทางการ เมืองที่ดำเนินมา 2 เดือน แม้ว่าในระหว่าง ที่มีพิธีสาบานตนจะเกิดเหตุคนร้ายก่อเหตุ ยิง ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 3 คนก็ตาม

ทั้งนี้ ภารกิจใหญ่ของรัฐบาลภายใต้ การนำของนายเล็ตตา คือการฟื้นฟูเศรษฐกิจ อิตาลี ที่ประสบความตกต่ำยาวนานที่สุดในรอบ 20 ปี และรัฐบาลใหม่จะต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศพันธมิตร ในยุโรปว่ารัฐบาลชุดใหม่สามารถกระตุ้นการเติบโตของประเทศได้

นายเลตตา กล่าวว่า จะให้การช่วย เหลือภาคธุรกิจและประชาชนกลุ่มที่อ่อน แอที่สุด หลังจากมาตรการรัดเข็มขัดอย่าง ทรหดนานหลายเดือนของอดีตนายกรัฐมนตรีมาริโอ มอนติ ทำให้ชาวอิตาลีจำนวนมากเดือดร้อนกันถ้วนหน้า พร้อมประกาศว่าจะลงมือทันทีเพื่อแก้ไขปัญหาการว่างงาน ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 11.6%

สำหรับการฟอร์มรัฐบาล ครั้งนี้ นาย แบร์ลุสโคนี จะไม่ได้รับตำแหน่งใดๆในรัฐบาล แต่เขาได้ผลักดันตัวแทนจากพรรค ของเขาเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี อาทิ รอง นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมหาดไทย

ส่วนตำแหน่งที่สำคัญอีกตำแหน่งหนึ่งคือ รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ซึ่งนาย ฟาบริซิโอ ซัคโคมานี ผู้ว่าการธนาคารแห่งอิตาลี ได้รับตำแหน่งดังกล่าว นอกจาก นั้นยังพบว่า มีสตรีดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีมากกว่าเดิม ที่รวมถึงนางเอ็มมา โบนิโน อดีตคณะกรรมาธิการยุโรป ในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศ โจเซฟา ไอเดท นักกีฬาคายัคเหรียญทองโอลิมปิก ในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงเพื่อความเท่าเทียม และกีฬา และนางแอนนา มาเรีย คันเซล เลียรี รัฐมนตรียุติธรรม

ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีเล็ตตา เคยกล่าวว่า ประเด็นสำคัญที่ต้องจัดการแก้ไขก่อน คือ ปัญหาการว่างงาน ซึ่งปัจจุบัน อยู่ที่ 11.6% พร้อมเร่งผลักดันให้เศรษฐกิจ เติบโต รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการรัดเข็มขัดที่อิตาลีนำมาใช้ เพื่อจัดการวิกฤติ หนี้สาธารณะที่ทางการอิตาลีคาดการณ์ว่าจะปรับตัวสูงขึ้นถึง 130.4% ต่อผลิต-ภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ภาย ในปีนี้

นายฟาบริซิโอ ซัคโคมานี่ กล่าวว่า รัฐบาลมีแผนกระตุ้นการเติบโตของประเทศ อิตาลี ซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของ ยูโรโซน ผ่านการทำข้อตกลงการใช้จ่าย โดยจะทำข้อตกลงระหว่างธนาคาร ภาคธุรกิจ และลูกค้า เพื่อขจัดปัจจัยความไม่แน่นอนเชิงจิตวิทยา ที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนและการใช้จ่าย

โดยความพยายามร่วมกันในครั้งนี้อาจช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นที่มีค่าอย่างมาก สำหรับเศรษฐกิจ นอกจากนี้ เขายังมีแผน ที่จะปรับโครงสร้างการใช้จ่าย ซึ่งเป็นมาตรการที่จะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากบรรดานักลงทุนที่วิตกเกี่ยวกับหนี้ก้อนโตของประเทศที่สูงถึง 2 ล้านล้านยูโร

ขณะที่ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก เชื่อว่า อิตาลีอาจจำเป็นต้องได้รับมาตรการช่วยเหลือจากต่างประเทศในที่สุด แม้จะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และสามารถ หลีกเลี่ยงวิกฤติในขณะนี้แล้วก็ตาม