ตราฉัตรชี้หมดยุคแข่งราคา ปั้นแบรนด์ขายข้าวแพง ส่งบะหมี่คัพไฮโซชิงแชร์มาม่า

วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556

ตราฉัตรชี้หมดยุคแข่งราคา ปั้นแบรนด์ขายข้าวแพง ส่งบะหมี่คัพไฮโซชิงแชร์มาม่า


ซีอีโอตราฉัตร มุ่งมั่นปั้นแบรนด์ข้าวไทยที่สุดในโลก เผยอาณาจักรข้าว 2.4 หมื่นล้านยังโตต่อ ตลาดต่างประเทศฉลุย ชี้นักธุรกิจหัวใสเปิดฟาสต์ฟู้ดข้าวแกงแล้วในอเมริกา มุ่งขยายกลุ่มฟู้ดเซอร์วิส เดินสายชวนชิมข้าวหอมมะลิ 100% ตั้งวีไอพีคลับบุกเดลิเวอรี่ ด้านตลาดเส้นไปได้สวย ทุ่ม 800 ล้านสร้างโรงงานใหม่คาดยอดไต่ไปถึงพันล้าน ซุ่มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบพรีเมี่ยมชิงแชร์มาม่า
"เราเคยเห็นเซลส์แมนของแอปเปิลไหม ไม่มีเซลส์แมนแล้วเขาขายได้อย่างไร ช่องทางการจำหน่ายก็มีแค่บางจุด เราก็ซื้อได้แค่บางจุดเท่านั้น เป็นเหตุผลที่ตอบได้ว่า คุณภาพของสินค้ามาก่อนสิ่งใดๆ ซึ่งคุณภาพนั้นจะจับต้องได้ ทำให้รู้สึกว่าคุ้มค่ากับราคา"
นี่คือสิ่งที่ซีอีโอข้าวตราฉัตรกล่าวกับ "สยามธุรกิจ" เมื่อกล่าวถึงเส้นทางการปั้นแบรนด์ข้าวไทย สู่ความเป็นสุดยอดข้าวระดับโลก
นายสุเมธ เหล่าโมราพร ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด หรือ ซีอีโอ "ข้าวตราฉัตร" กล่าวว่า เมื่อกล่าวถึงอาหารไทย ในสายตาชาวโลกจะนึกถึงกับข้าว ทั้งแกงมัสมั่น เขียวหวาน ต้มยำกุ้ง หรือเมนูยอดฮิตอย่างผัดไทย แต่ไม่มีใครพูดถึงเรื่อง "ข้าว" อีกทั้งปัจจุบันไทยต้องแข่งราคาข้าวกับประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้น วิธีการยกระดับข้าวไทย คือการพัฒนาการผลิตข้าวตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ โดยบริษัทมีโครงการไปส่งเสริมและพัฒนาการปลูกข้าวที่มีคุณภาพของชาวนา และวางแผนรับซื้อในราคาที่ดีกว่านโยบายรับจำนำข้าวทางจากรัฐบาล
+ ปั้นแบรนด์ข้าวไทยสุดยอดในโลก
นอกจากการพัฒนาต้นน้ำ ซึ่งเป็นที่มาของข้าว คุณภาพแล้ว การสร้างแบรนด์ข้าวไทยสู่ระดับสากลต้องทำอย่างเข้มข้นล่าสุดข้าวตราฉัตรได้เข้าสนับ สนุนการจัดงาน the 1 Thailand Culinary World Challenge 2013 "การแข่งขันสุดยอดเชฟอาหารไทย" ชิงแชมป์โลกครั้งที่ 1 โดยมีสุดยอดเชฟจาก 15 ประเทศเข้าร่วม และมีสื่อต่างประเทศร่วมเผยแพร่งาน ถือเป็นการเริ่มต้นสร้างแบรนด์ข้าวจากประเทศไทยอย่างจริงจัง
"ตัวอย่างง่ายๆ ของการแข่งขันด้านราคา ก็คือซัมซุง เมื่อ 10 ปีที่แล้วซัมซุงรู้ว่าถ้าขายโทรศัพท์ราคาถูกเครื่องละไม่กี่พันคงเจ๊งแน่ เขาเลยหันมาทำสมาร์ทโฟน เพราะเขารู้ว่าหากจะทำของถูกมาขาย ยังไงก็แพ้จีน ดังนั้น เรื่องราคาไม่ใช่การแข่งขันที่ยั่งยืนอีกแล้ว อีกทั้งค่าแรงขั้นต่ำก็ขึ้นมา 300 บาทแล้ว อีกหน่อยก็จะขึ้นเป็น 400-500 บาทอย่างแน่นอน นั่นเป็นเหตุผลที่ต้องสร้างแบรนด์ข้าวไทยเพื่อยกระดับให้มีความเป็นพรีเมี่ยม"
เส้นทางปั้นแบรนด์ข้าวตราฉัตร สู่ระดับสากล ได้ถูกปูพื้นมานานนับ 10 ปี พร้อมด้วย การส่งข้าวไปยังตลาดต่างประเทศนับ 100 แห่ง แต่จากนี้ไปจะทำอย่างจริงจังและเข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะช่องทางฟู้ดเซอร์วิส (โรงแรม-ร้านอาหาร) เนื่องจากปัจจุบัน คนไทยรับประทานอาหารนอกบ้านมากขึ้น
+ ย้ำเทรนด์อาหารไทยแรงจริง
นายสุเมธ กล่าวว่า แต่เดิมอาหารไทยในต่างประเทศถูกวางเป็นมื้ออาหารแบบนั่งรับประทานโดยมีคนเสิร์ฟ (Sit Down Dinner) เช่นเดียวกับอาหารฝรั่งเศส ซึ่งไม่มีรูปแบบของฟาสต์ฟู้ด แต่จากการที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเมืองไทยเป็นจำนวนมาก สังเกตได้ว่าอาหารข้างทางหรือร้านอาหารเล็กๆ อย่างข้าวแกง ก็เป็นอาหาร ที่ชาวต่างชาติรับประทาน ตัวอย่างที่ชัดเจนคือตรอกข้าวสาร ดังนั้น มีแนวโน้มว่าอาหารไทยจะถูกประยุกต์ให้มีรูปแบบของฟาสต์ฟู้ด ซึ่งขณะนี้มีนักลงทุนในอเมริกาเริ่มมีการนำไอเดียนี้ไปใช้แล้ว โดยจำหน่ายอาหารชุด เช่น ข้าวพร้อมกับ 3 อย่าง ขายราคาประมาณ 10 เหรียญ หรือประมาณ 300 บาท แสดงให้เห็นว่า โอกาสในการขยายตลาดของอาหาร หรือข้าวไทยยังมีอยู่อีกมาก
สิ่งสำคัญในการทำตลาดฟู้ดเซอร์วิส คือการบริหารคุณภาพข้าวที่ดีและมีความสม่ำ- เสมอ หุงทุกครั้งต้องเหมือนกัน รวมถึงการบริการที่ดีด้วย ซึ่งข้าวตราฉัตรมีเครื่อง หมายรับประกัน "มาตรฐานทุกถุง เหมือนกันทั่วโลก" เพื่อรับประกันความพึงพอใจ ของผู้บริโภค รวมทั้งการเพิ่มขนาดข้าวสำหรับร้านอาหาร ทั้ง 15 กิโลกรัม หรือ 50 กิโลกรัม
ปัจจุบันยอดขายจากฟู้ดเซอร์วิสของข้าวตราฉัตร อยู่ที่ 10% ของยอดขายรวม คาดว่าจะเติบโตเป็น 20-30% ได้ในช่วง 1-2 ปีนี้
+ ผุดวีไอพีคลับบุกเดลิเวอรี่
กระแสการใช้ชีวิตของคนเมืองเริ่มขยายตัว ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น ข้าวตราฉัตรจึงเริ่มวางระบบช่องทางเดลิเวอรี่ผ่านวีโอพี คลับŽ ลูกค้าสมาชิกสามารถสั่งข้าวในปริมาณที่กำหนด ผ่านทางโทรศัพท์หรือออนไลน์ จัดส่งให้ถึงบ้าน เริ่มต้นจากกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ปัจจุบันมีสมาชิก 1,000 ราย คาดว่าจะเพิ่มเป็น 50,000 รายในปีนี้ โดยในช่วงแรกจะมีรายได้ประมาณ 1% จากยอดขายรวม
อย่างไรก็ตาม ช่องทาง การขายข้าวยังอยู่ที่ร้านค้าทั่วไป 70% แต่สิ่งที่น่าสังเกตคือ ทายาทของร้านขายข้าวสาร มีการสืบทอด กิจการน้อยลง เนื่องจากไม่มีความเชี่ยวชาญเหมือนรุ่นพ่อหรือรุ่นปู่ อีกทั้งไม่มีความรู้เรื่องข้าวที่ดีพอ ทำให้แนะนำหรือแสดงความแตกต่างของข้าวแต่ละประเภทได้ อีกทั้งคนรุ่นใหม่ก็มีเวลาน้อยลง เลือกข้าวสารหรืออาหารสดไม่เป็น ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลที่มีร้านสะดวกซื้อประเภทของสดเกิดขึ้น ดังนั้น ร้านของชำหรือร้านขายข้าวสารทั่วไป ต้องมีการ ปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์
+ โรดโชว์ให้ชิมข้าวปั้นหอมมะลิ 100%
ด้านนายยงยุทธ พฤกษ์มหาดำรง ผู้ช่วยกรรม การผู้จัดการ (ผู้บริหารด้านการตลาด) บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด กล่าวว่า ข้าวเป็นของกิน ดังนั้นการสร้างแบรนด์ของกิน ต้องเริ่มจากการได้ทดลอง ชิม ดังนั้น การตอกย้ำแบรนด์ข้าวตราฉัตรสำหรับผู้บริโภคทั่วไป จึงมีแผนการออกโรดโชว์ประมาณ 100 จุดเพื่อให้ลูกค้าได้มีโอกาสชิมข้าวหอมมะลิ 100% ตราฉัตรทอง ซึ่งเป็นสินค้าเรือธงในปีนี้
ปัจจุบันคนไทย เลือกรับประทานข้าวหอมมะลิมากขึ้น จากเดิม 20% ของตลาดข้าว มาเป็น 40-50% จึงเป็นโอกาสที่ดีในการบุกตลาด สำหรับตลาดข้าวถุงในเมืองไทย มีมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท ตราฉัตรมีส่วนแบ่ง 15%
สำหรับงบตลาดในปีนี้ 100 ล้านบาท ซึ่งจะใช้กับช่องทางฟู้ดเซอร์วิส 30-40% โดยสินค้าหลักคือ ข้าวหอมมะลิ 100% ตราฉัตรทอง
+ ตั้งโรงงานใหม่รับกระแสเส้นแรง
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ข้าวตราฉัตรมีการทดลอง ตลาดผลิตภัณฑ์เส้น ทั้งเส้นหมี่อบแห้ง และเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โดยมุ่งจำหน่ายผ่านช่องทางร้านก๋วยเตี๋ยวเป็นหลัก โดยปีที่ผ่านมายอดขายรวมของผลิตภัณฑ์กลุ่มเส้นของตราฉัตร อยู่ที่ 100 ล้านบาท สัดส่วนส่งออก 60% ดังนั้น ในปีนี้จึงมีแผนการก่อสร้างโรงงานผลิตเส้น จากเดิมที่เคยจ้างโรงงานผลิต แต่ด้วยตลาดที่เติบโตขึ้น กำลังผลิตจึงไม่เพียงพอ
โรงงานผลิตเส้น เริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ด้วยงบลงทุนเบื้องต้น 500-800 ล้านบาท ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับโรงงานข้าวนครหลวง จ.พระนคร ศรีอยุธยา โดยจะเสร็จสิ้นในปลายปี 2557 เริ่มต้นผลิตได้ในต้นปี 2558 โดยคาดว่าในอนาคตตลาดเส้นจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็นหลักพันล้าน
+ ลุยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเจาะกลุ่มพรีเมี่ยม
นายสุเมธ กล่าวว่า สำหรับธุรกิจบะหมี่กึ่งสำเร็จ รูป ในปีนี้มีแผนการบุกตลาดลูกค้าทั่วไป ด้วยการออกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วยและแบบซอง วางตำแหน่ง สินค้าระดับพรีเมี่ยม เน้นคุณภาพของสินค้า จับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ระดับกลาง-บน โดยจะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยังมีโอกาสอีกมาก เนื่องจากเป็นอาหารที่นิยม ไม่เฉพาะกลุ่มที่คำนึงถึงราคาเท่านั้น ขณะที่ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็ยังมีอัตราการเติบโตกว่า 10% มาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับยอดขายข้าวตราฉัตร ในปี 2555 ตลาดในประเทศ จำนวน 406,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 10,545 ล้านบาท คาดในปีนี้จะเติบโตอีก 27.7% เป็น 498,000 ตัน มูลค่า 14,250 ล้านบาท ส่งออกต่างประเทศ จาก 537,000 ตัน มูลค่า 12,754 ล้านบาท คาดเติบโต 49% เป็น 800,000 ตัน มูลค่า 19,212 ล้านบาท


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ