ตั้ง ‘วอร์รูม’ สู้ ‘ไวรัส’ อีเวนต์-บันเทิง-โฆษณา-ธุรกิจ ช็อค! พร้อม สนามรบประกันเดือด ... ออกแคมแปญสู้ศึกคุ้มครองไวรัสมรณะ “โควิด19”

วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2563

ตั้ง ‘วอร์รูม’ สู้ ‘ไวรัส’  อีเวนต์-บันเทิง-โฆษณา-ธุรกิจ  ช็อค!  พร้อม สนามรบประกันเดือด ... ออกแคมแปญสู้ศึกคุ้มครองไวรัสมรณะ “โควิด19”


“ค่ายประกัน”สู้ศึกไวรัสมรณะดุเดือดออกกรมธรรม์คุ้มครองคนไทย “ทีคิวเอ็ม” จับมือ “กรุงเทพประกันภัย”เพิ่มแพคเก็จประกันโคโรนา เบี้ยเพียง 99 บาท เพิ่มทางเลือกคุ้มครองสูงถึง 2 ล้าน “เมืองไทยประกันชีวิต” สู้ยิบตาลูกค้ารับความคุ้มครองฟรี! “มาดามแป้ง” มอบกรมธรรม์ประกันเชื้อไวรัส COVID-19 ให้แพทย์และพยาบาลแบบไม่มีค่าใช้จ่าย ด้าน “เอไอเอ-ทิพย”ออกหมัดชัวๆ ชิงส่วนแบ่งเช่นกัน

สถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ยังวิกฤตหนักกระจายไปทั่วโลก และมีผู้เสียชีวิตจนนับไม่ถ้วน ล่าสุดในประเทศไทยก็มีผู้เสียชีวิตรายแรกกันแล้ว ทำให้บริษัทประกันต่างออกแพ็กเกจเพิ่มเติมกรมธรรม์ประกันภัยไวรัส “โควิด-19 จากเดิมที่กรมธรรม์ได้ครอบคลุมอยู่แล้ว เพื่อแบ่งเบาภาระที่อาจเกิดขึ้นจากผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส

เบี้ยคุ้มครอง “ไวรัสโควิด” สุดถูก 99 บาท

โดยทางทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ และกรุงเทพประกันภัย ได้เพิ่มแพ็คเกจกรมธรรม์ประกันภัยไวรัสโคโรนาเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้า เบี้ยเริ่มต้น 99 บาท ไม่ต้องตรวจสุขภาพ เลือกแพ็กเกจแบบเจอเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมจ่ายเงินก้อนทันที หรือเลือกความคุ้มครองให้ชีวิตสูงสุดกว่า 2,000,000 บาท

ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดย บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด หรือ TQM เปิดเผยว่า TQM และกรุงเทพประกันภัย เล็งเห็นถึงความกังวลและความสุ่มเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงได้มุ่งพัฒนากรมธรรม์ประกันภัยไวรัสโคโรนาต่อเนื่อง โดยได้เพิ่มแผนความคุ้มครองให้มีทางเลือกที่หลากหลายยิ่งขึ้น พร้อมเบี้ยที่ราคาเบากว่าเดิม เพื่อช่วยให้คนไทยทั่วประเทศสามารถเข้าถึงประกันภัยได้ง่ายขึ้น แบ่งเบาภาระที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ลดความกังวลในสถานการณ์ที่ตึงเครียด

โดยได้พัฒนาช่องทางการขายเพื่อให้ลูกค้าซื้อประกันภัยไวรัสโคโรนาได้ง่ายยิ่งขึ้นผ่านทุกช่องทางการขายของ TQM ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ สามารถซื้อให้ทั้งตนเองและซื้อให้คนอื่นได้อีกด้วย เพียงคลิก http://bit.ly/38cvBph หรือผ่านช่องทาง Line Official TQM Insurance Broker และ Facebook TQM Insurance Broker เว็บไซต์ www.tqm.co.th หรือสายด่วน 1737 ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับลูกค้าต่างจังหวัดสามารถเข้ารับคำแนะนำได้ที่ TQM กว่า 95 สาขาทั่วประเทศ

“เมืองไทยประกันภัย”ห่วงแพทย์-พยาบาล

ขณะที่เมืองไทยประกันภัย ร่วมใจสู้ภัย COVID-19 มอบกรมธรรม์ประกันเชื้อไวรัส COVID-19 ให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และพยาบาลของสถาบันบำราศนราดูรแบบไม่มีค่าใช้จ่าย

โดยนางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในฐานะตัวแทนผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ ส่งจดหมายขอบคุณและให้กำลังใจคุณหมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของสถาบันบำราศนราดูร ที่เสียสละทำงานอย่างหนักในการดูแลรักษาผู้ป่วยจากเชื้อไวรัส COVID-19 พร้อมทั้งมอบกรมธรรม์ประกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ให้แก่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และพยาบาลของสถาบันบำราศนราดูร โดยทางสถาบันบำราศนราดูรได้ส่งรายชื่อของบุคลากรมาให้แก่บริษัทเมืองไทยประกันภัยเป็นที่เรียบร้อย

สำหรับรายละเอียดของกรมธรรม์ ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และพยาบาลติดเชื้อไวรัส COVID-19 จะได้รับเงินก้อนจ่ายทันที 100,000 บาท และถ้าผู้ป่วยมีอาการโคมาจะมอบเพิ่มเติมให้อีก 100,000 บาท โดยกรมธรรม์จะคุ้มครองผู้เอาประกันเป็นเวลา 100 วัน

กรมธรรม์นี้คงเทียบค่าไม่ได้กับความเสียสละของเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ทุ่มเททำงาน เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมามีร่างกายที่แข็งแรง พวกเราชาวเมืองไทยประกันภัยหวังว่า ความตั้งใจของเราจะเป็นรอยยิ้มเล็กๆ และหนึ่งกำลังใจ เช่นเดียวกับความปรารถนาดีของคนไทยที่ส่งไปยังสถาบันบำราศนราดูร

“พวกเราขอกล่าวคำว่า ขอบคุณจากหัวใจ ถึงคุณหมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของสถาบันบำราศนราดูรทุกท่าน รวมทั้งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประเทศไทยจะกลับสู่ภาวะปกติในเร็ววัน เราคนไทยทุกคนจะก้าวผ่านเหตุการณ์นี้ไปด้วยกัน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เมืองไทยประกันภัยฯ กล่าว

นอจากนี้ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ได้ติดตามสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด และห่วงใยต่อสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้นทุกวัน จึงจัดกิจกรรมนำอาสาสมัครของบริษัทฯ ลงพื้นที่ชุมชนคลองเตย พร้อมด้วยการสอนทำหน้ากากอนามัยและการทำสเปรย์แอลกอฮอล์ให้กับคนในชุมชนคลองเตยทั้ง 42 ชุมชน ภายใต้โครงการคลองเตยดีดี โดยร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุข 41, โรงเรียนศูนย์ฝึกอาชีพคลองเตย และกลุ่มพนักงานอาสากล้าใหม่เมืองไทยประกันภัย เพื่อให้ทุกคนสามารถผลิตอุปกรณ์ป้องกันที่จำเป็นเบื้องต้นให้แก่ตนเอง รวมถึงต่อยอดให้กับแฟนท่าเรือทั้งชุมชน โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้กว่า 100 คน

ทั้งนี้ นอกจากการสอนทำหน้ากากอนามัยและสเปรย์แอลกอฮอล์แก่ชุมชนคลองเตยแล้ว พนักงานอาสากล้าใหม่เมืองไทยประกันภัย ยังได้นำความรู้มาส่งต่อให้แก่พนักงานของเมืองไทยประกันภัย เพื่อให้พนักงานทุกคนมีอุปกรณ์ช่วยดูแลสุขภาพที่สามารถทำได้เองอย่างง่ายๆ โดยสเปรย์แอลกอฮอล์ส่วนหนึ่งที่ทำได้กลุ่มอาสากล้าใหม่เมืองไทยประกันภัยได้นำไปมอบให้แก่ศูนย์บริการสาธารณสุข 41 คลองเตย เพื่อมอบให้แก่ประชาชนที่มาใช้บริการ รวมทั้งมอบให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการที่ศูนย์บริการลูกค้าของเมืองไทยประกันภัย

ลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิตรับฟรี! ความคุ้มครอง

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้มอบความคุ้มครองเพิ่มเติมจากสิทธิ์ตามกรมธรรม์ที่ผู้เอาประกันภัยมีอยู่ ฟรี! เพียงดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน “MTL Click” พร้อมลงทะเบียนและเพิ่มกรมธรรม์ที่มีอยู่แล้ว จะได้รับสิทธิความคุ้มครองทันที โดยคุ้มครองกรณีเสียชีวิตที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รับเงินชดเชย 100,000 บาท หรือรับเงินชดเชยรายวัน 1,000 บาทต่อวัน เมื่อเข้าพักรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยในของโรงพยาบาลที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดไม่เกิน 30 วัน ต่อการเข้าพักรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยในครั้งใดครั้งหนึ่งเพียงครั้งเดียว โดยให้ความคุ้มครองทันทีตั้งแต่วันที่ดาวน์โหลดและเพิ่มกรมธรรม์เสร็จสมบูรณ์ ดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน “MTL Click” ได้แล้วตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563 และรับความคุ้มครองได้ถึงวันที่ 30 เมษายน 2563

ก่อนหน้านี้เมืองไทยประกันชีวิต จับมือ แกร็บ ประเทศไทย มอบความอุ่นใจจากสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19ให้แก่พาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่แกร็บ พร้อมความคุ้มครองประกันชีวิตและสุขภาพกลุ่ม ด้วยการมอบเงินชดเชยรายวัน 500 บาทต่อวัน สูงสุดไม่เกิน 15 วัน ต่อการเข้าพักรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยในที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

“เอไอเอ”ปล่อยแคมเปญประกันภัยโรคร้ายแรง

นายเอกรัตน์ ฐิติมั่น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด กล่าวว่า ปัจจุบันที่คนไทยต้องเผชิญทั้งโรคโควิด-19 และฝุ่น PM 2.5 ทำให้เอไอเอพยายามผลักดันให้คนไทยทุกคนมีความคุ้มครองสุขภาพและโรคร้ายแรงที่เพียงพอ ดังนั้น การเตรียมความพร้อมรับมือกับโรคร้ายแรงจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง และเพื่อการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง เราจึงได้ออกแคมเปญพิเศษประกันภัยโรคร้ายแรง เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยได้เลือกซื้อประกันคุ้มครองโรคร้ายแรงที่ครอบคลุมครบทุกระยะ ซึ่งจะช่วยให้หมดห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลได้ หากต้องพบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

เอไอเอนำเสนอทางเลือกให้กับลูกค้าด้วยแคมเปญพิเศษประกันยูนิต ลิงค์ ซึ่งตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่รักอิสระและต้องการความยืดหยุ่นในการปรับเพิ่มลดความคุ้มครองให้เหมาะสมกับช่วงวัย มีให้เลือกถึง 3 แคมเปญ ได้แก่ เมื่อลูกค้าซื้อประกันโรคร้ายแรง AIA CI SuperCare หรือ AIA CI SuperCare Prestige แบบชำระเบี้ยประกันภัย 20 ปี และทำตามเงื่อนไข ลูกค้าจะได้รับการยกเว้นการจ่ายค่าเบี้ยประกันปีสุดท้าย หรือลูกค้าจะยังได้รับความคุ้มครองโรคร้ายแรงเพิ่มสูงสุด 600,000 บาทฟรี* เป็นเวลา 1 ปี เมื่อซื้อสัญญาเพิ่มเติม/บันทึกสลักหลัง AIA Health Cancer, AIA CI Plus, AIA CI Top Up** พร้อมรับสิทธิ์สมาชิก AIA Vitality เพิ่มเติม หรือ เมื่อซื้อแบบประกัน AIA Issara Plus (ยูนิต ลิงค์) หรือ AIA Issara Prestige Plus (ยูนิต ลิงค์) ลูกค้าจะได้รับการยกเว้นค่าการประกันภัยปีแรกสำหรับความคุ้มครองชีวิต และ/หรือ ผลประโยชน์กรณีทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง รวมถึงสัญญาเพิ่มเติม AIA CI Plus UDR และ/หรือ AIA CI Care UDR

ทั้งนี้ แคมเปญพิเศษของเอไอเอ ทั้ง 3 แคมเปญ คลอบคลุมการซื้อแบบประกันตามที่ระบุข้างต้น และซื้อในช่วงระหว่างวันที่ 1-31 มีนาคม 2563”

“ทิพย”ออกกรมธรรม์ครั้งแรกของไทย ก่อนหน้านี้ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิพยประกันภัยได้ออกกรมธรรม์ “ประกันไวรัสโคโรนา” ที่จะช่วยบรรเทาและลดภาระค่ารักษาพยาบาลจากการติดเซื้อไวรัสโควิด-19 ถือเป็นการสร้างความอุ่นใจให้กับประชาชน โดยจะให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและเงินชดเชยกรณีเจ็บป่วยในระยะสุดท้ายจากการติดเซื้อ โดยสามารถซื้อทุนประกันภัยได้สูงสุดถึง 1 ล้านบาท พร้อมค่ารักษาพยาบาลสูงสุดถึง 100,000 บาท เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียงปีละ 150 บาท ซึ่งเบี้ยราคาเท่ากันทุกช่วงอายุ ส่วนความคุ้มครองเป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์

ล่าสุดทิพยประกันภัย ได้มอบกรมธรรม์ประกันภัยไวรัส โควิด-19 ให้กับสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานธนาคารออมสิน จำกัด ซึ่งกรมธรรม์ดังกล่าวได้ให้ความคุ้มครอง ประกันภัยไวรัสโควิด-19 กับสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานธนาคารออมสิน จำกัด ซึ่งมีจำนวน 19,900 คน

“ไทยสมุทร”คลอด 4 มาตรการดูแลลูกค้าติดไวรัส

ด้านบมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิตรักคือพลังของชีวิต โดยนางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ กรรมการผู้จัดการ ตระหนักถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่อยู่ในภาวะวิกฤติ มีการแพร่ระบาดไปยังกว่า 70 ประเทศทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อกว่า 90,000 คน และเสียชีวิตกว่า 3,000 คน ดังนั้น ด้วยความห่วงใยลูกค้าผู้เอาประกัน OCEAN LIFE ไทยสมุทรทุกท่านบริษัทจึงได้ออก 4 มาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือดูแลลูกค้าผู้เอาประกันภัยที่ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตรายบุคคลประเภทสามัญ และอุตสาหกรรม ที่ยังมีผลบังคับ ในกรณีติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะได้รับความคุ้มครองเพิ่มเติม ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 เมษายน 2563 ดังนี้ 1.ชดเชยรายได้รายวันสูงสุดไม่เกิน 30 วัน สำหรับกรมธรรม์ประเภทสามัญ วันละ 1,000 บาท และสำหรับ

กรมธรรม์ประเภทอุตสาหกรรม วันละ 300 บาท 2.คุ้มครองกรณีเสียชีวิต สำหรับกรมธรรม์ประเภทสามัญ จำนวน 50,000 บาทต่อราย และสำหรับกรมธรรม์ประเภทอุตสาหกรรม จำนวน 15,000 บาทต่อราย 3.ขยายระยะเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันภัย 60 วัน นับแต่วันครบระยะเวลาผ่อนผันเดิม 4.ให้ความคุ้มครอง COVID-19 โดยไม่มีระยะเวลารอคอย (Waiting Period) ทั้งกรณีเสียชีวิต และการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นผู้ป่วยใน (IPD) เนื่องจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) โดยทั้ง 4 มาตรการดังกล่าว นับเป็นผลประโยชน์พิเศษเพิ่มเติมจากความคุ้มครองตามกรมธรรม์ที่ลูกค้าผู้เอาประกันถืออยู่ และไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ

-----------------------------------------

ตั้ง ‘วอร์รูม’ สู้ ‘ไวรัส’ อีเวนต์-บันเทิง-โฆษณา-ธุรกิจ ช็อค!

รัฐบาลจัดทัพรับโควิด-19 ผุด “ศูนย์ข้อมูล COVD-19″ ปฏิบัติภารกิจฉุกเฉินช่วยเหลือ ป้องกัน แก้ไขทันที ไฟเขียว "บัตรทอง" รักษาไวรัสร้ายได้ทุกโรงพยาบาล 2 หมื่นอีเว้นต์จ่อเลื่อน-เลิก ‘ทีเส็บ’ งัดกลยุทธ์แจกบัตรกำนัลกรุ๊ปละ 2 หมื่นจัดงานไมซ์ ธุรกิจบันเทิงกระอัก ‘เจมส์บอนด์- Mission: Impossible’ สะดุด สื่อโฆษณาแผ่ว นศ.จบใหม่ 5 แสนคนส่อเตะฝุ่น ผสมแรงงานแห่กลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง สศช.หั่นจีดีพีขยายต่ำกว่าเป้า

ภายหลังจากองศ์การอนามัยโลก(WHO) ได้แจ้งคำเตือนแก่ทุกประเทศและกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นโรคติดต่ออันตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 รัฐบาลจึงให้จัดตั้งศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เรียกโดยย่อว่า “ศูนย์ข้อมูล COVD-19″ เพื่อบูรณาการความช่วยเหลือผู้ได้รับความเดือดร้อน จากสถานการณ์ดังกล่าวในทุกมิติ ได้แก่ มิติด้านข้อมูลข่าวสาร มิติด้านสาธารณสุข มิติด้านเศรษฐกิจ มิติด้านสังคมและการสงเคราะห์อย่างทันท่วงที รวมทั้งสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องแก่สาธารณชนเพื่อให้เกิดความตระหนักรู้เท่าทันและเตรียมพร้อมโดยไม่ตื่นตระหนกในข่าวสารอันไม่เป็นความจริง (อ่านรายละเอียดในล้อมกรอบ)

ไฟเขียว "บัตรทอง" รักษาโควิด-19

ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้มีมติเห็นชอบให้โรคติดเชื้อจากไวรัสโควิด-19 อยู่ในขอบเขตบริการสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง พร้อมเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการอนุมัติงบกลางปีจำนวน 3,500 ล้านบาท มาใช้เป็นค่ารักษาโรคนี้ในช่วง 7 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณ 2563 นอกจากนี้ขอบเขตบริการสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง ยังได้อนุมัติหลักการให้ใช้เงินกองทุนรายการรายได้สูง (ต่ำ) กว่าค่าใช้จ่ายสะสม จำนวนไม่เกิน 1,020 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการเบิกจ่ายในกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของหน่วยบริการกองทุนบัตรทองอีกด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจและสนับสนุนการบริการของหน่วยบริการในการดูแลผู้ป่วยและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน

ห้าม รพ.เอกชนปฏิเสธการรักษา

ล่าสุดมีประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโรคโควิด-19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) และ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตราย ตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2563 และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 มีนาคม 2563 ให้สถานพยาบาลเอกชนทั้งโรงพยาบาลและคลินิกตามพรบ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ต้องดำเนินการให้การดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ถือเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขฯที่กำหนด หากไม่ดำเนินการจะมีความผิดฐานฝ่าฝืนมาตรา36 พรบ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 (แก้ไขเพิ่มเติม) พ.ศ.2559 ที่กำหนดให้สถานพยาบาลต้องช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วยฉุกเฉินที่อยู่ในสภาพอันตรายและจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉิน เพื่อให้พ้นจากอันตราย ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

2 หมื่นอีเว้นต์จ่อเลื่อน-เลิก

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวถึงผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) ทำให้ธุรกิจไมซ์หรือการท่องเที่ยวเชิงประชุม สัมมนา และกิจกรรมสันทนาการต่างๆ ที่วางแผนจะจัดงานขึ้นในปี 2563 ได้ยกเลิกหรือเลื่อนการจัดงานออกไปจำนวนมาก โดยภาพรวมส่วนใหญ่งานที่ยกเลิกไปเป็นอีเว้นท์ อาทิ คอนเสิร์ตใหญ่ มหกรรมกีฬา สำหรับความเสียหายหรือเม็ดเงินที่สูญเสียไปจากภาคธุรกิจไมซ์จะมีการประชุมเพื่อประเมินความเสียหายทั้งหมดอีกครั้ง แต่เบื้องต้นเม็ดเงินจะหายไปจากระบบอยู่พอสมควร โดยจากการสำรวจสถิติธุรกิจไมซ์ในประเทศของทีเส็บในปี 2563 มีการจัดประชุมสัมมนาและเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในประเทศรวม 20,251 งาน มีจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมสัมมนาเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในประเทศรวม 1,935,030 คน คิดเป็นการประชุมขององค์กรบริษัทเอกชน 17,499 งาน เป็นนักเดินทางจากบริษัทเอกชนที่มาประชุมสัมมนา 1,732,410 คน สร้างรายได้ 4,097 ล้านบาท

แจกบัตรกำนัลกรุ๊ปละ 2 หมื่น

นายจิรุตถ์ กล่าวต่อว่า ล่าสุดทีเส็บได้ร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องออกแคมเปญมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจประชุมเมืองไทย ภูมิใจช่วยชาติ โดยสนับสนุนองค์กรบริษัทเอกชน จัดประชุมสัมมนาและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลภายในประเทศ ในรูปแบบบัตรกำนัลมูลค่า 20,000 บาทต่อกลุ่มโดยต้องมีผู้เข้าร่วมงาน 40 คนขึ้นไป มีวันพักค้างอย่างน้อย 1 คืน และต้องเป็นการจัดกิจกรรมข้ามจังหวัดกับที่ตั้งของบริษัทนั้นๆ กำหนดเป้าหมายระยะแรกว่าจะช่วยกระตุ้นการจัดประชุมขององค์กรบริษัทเอกชนได้ 500 กลุ่ม หรือ 20,000-40,000 คน และคาดว่าจะสร้างรายได้กว่า 70 ล้านบาท

“การดำเนินการครั้งนี้ จะช่วยให้เกิดการเดินทางในประเทศมากขึ้น ในช่วงนี้ที่การท่องเที่ยวเกิดปัญหา มีคนเดินทางท่องเที่ยวน้อยลง ซึ่งการจัดสัมมนาในประเทศจึงมีความสำคัญโดยเอกชนจะได้รับการสนับสนุนเงินจากภาครัฐด้วย รวมทั้งทีเส็บจะมีการหารือกับเอกชนอื่นๆ ในเดือน มี.ค.นี้ เพื่อขอให้มีการจัดโปรโมชันอื่นๆมาส่งเสริม” ผอ.ทีเส็บ กล่าว

เลื่อนโมโตจีพี 2020 ปรับสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ

ในส่วนของอีเว้นท์บันเทิง ก็ได้มีการทยอยออกมาเลื่อนและยกเลิกการจัดงานแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดการอยู่รวมกันในที่แออัดและเลี่ยงการแพร่เชื้อหรือติดเชื้อทำให้อีเว้นท์ทั้งเล็กและใหญ่ประกาศยกเลิก, เลื่อน, หรือเปลี่ยนรูปแบบการจัดงาน เพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคในขณะนี้ ยกตัวอย่างการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก “โมโตจีพี 2020” รายการ “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2020” ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-22 มี.ค. 63 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เพิ่งมีการแถลงความพร้อมในการจัดงานเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 63 ว่าแม้จะมีปัญหาการระบาดของโควิด-19 แต่ก็มีความพร้อมในการรับมือด้วยมาตรการทางสาธารณสุข แต่ล่าสุดก็มีมติจากที่ประชุมคณะกรรมการผู้จัดงานว่าจะเลื่อนการจัดงานออกไปอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เนื่องจากในประเทศไทยได้ประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย ซึ่งการจัดงานขนาดใหญ่อาจทำให้เกิดความเสี่ยงโดยไม่สมควร หรืองานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่จะจัดระหว่างวันที่ 25 มี.ค. – 5 เม.ย.2563 ก็หันมาจัดผ่านระบบออนไลน์ พัฒนาการขายบน Digital Platform แทน

เจมส์บอนด์- Mission: Impossible สะดุด

ขณะที่วงการบันเทิงระดับโลก เอ็มจีเอ็ม-ยูนิเวอร์แซล เลื่อนฉายภาพยนตร์สายลับเจมส์ บอนด์ ‘007 No Time To Die’ ทุกประเทศทั่วโลก จากเดือนเม.ย.เป็นเดือนพ.ย. โดยแถลงข่าวยกเลิกการจัดงานเปิดตัวรอบปฐมทัศน์ภาพยนต์เรื่อง "007 No Time To Die" ทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งเป็นภาคสุดท้ายของแดเนียล เคร็ก พระเอกเจมส์บอนด์ ใช้ทุนสร้างกว่า 200 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นหนังฟอร์มยักษ์เรื่องแรกของฮอลลีวูดที่ประกาศเลื่อนฉายรอบโลกจากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เช่นเดียวกับภาพยนตร์แอ๊คชั่นตอนที่ 7 “Mission: Impossible” นำแสดงทอม ครูซ ซึ่งมีกำหนดที่จะถ่ายทำที่เมืองเวนิสประเทศอิตาลีเป็นเวลาราว 3 สัปดาห์ ต้องระงับการถ่ายทำเอาไว้ก่อนเพราะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส

สื่อโฆษณาแผ่วตามสถานการณ์

นายธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัทเอเจนซี่โฆษณาและการตลาดดิจิทัล เปิดเผยภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาในประเทศไทยปี 2563 คาดว่าจะอยู่ในระดับไม่เติบโตในระดับ 120,000-130,000 ล้านบาท จากปัจจัยสภาวะเศรษฐกิจในประเทศไทยชะลอตัว อย่างไรก็ตาม มองว่าเม็ดเงินโฆษณาจะมีการเคลื่อนย้ายจากสื่อต่างๆไปอยู่ในสื่อดิจิทัล ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นราว 10-15% หรืออยู่ที่ 15,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ราว 12,000 ล้านบาท จากการที่บริษัทต่างๆมองว่าสื่อดิจิทัลเป็นช่องทางที่เข้าถึงผู้บริโภคได้คุ้มค่าและสามารถวัดผลได้

ทั้งนี้ บริษัทมองว่าปี 2563 ค่าใช้จ่ายในการลงโฆษณาในสื่อดิจิทัลจะสูงขึ้นราว 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากการครอบคลุมการเข้าถึงทางด้านอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยเริ่มอยู่ในระดับคงที่ นั่นหมายความว่าอัตราการเข้าถึงของโฆษณาจะสามารถไปถึงผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม

นศ.จบใหม่ 5 แสนคนส่อเตะฝุ่น

นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คาดว่าจะเป็นปัจจัยที่เข้ามาซ้ำเติมการจ้างงานของไทยในปี 2563 ให้ชะลอตัวลงไปกว่าเดิม โดยเฉพาะนักศึกษาจบใหม่ที่จะทยอยเข้ามาในระบบแรงงานเพิ่มเติมช่วง พ.ค.นี้ประมาณ 5 แสนคนจะมีโอกาสได้งานทำค่อนข้างต่ำ ดังนั้นรัฐบาลจำเป็นต้องหามาตรการหรือแผนรองรับไว้ เช่น การทำโครงการต่างๆ โดยใช้งบประมาณจ้างเด็กจบใหม่เช่นอดีตที่เคยดำเนินการไว้ เป็นต้น โดยรัฐคงต้องหาวิธีไม่ให้เด็กจบใหม่เกิดปัญหาว่างงาน แม้ว่าที่ผ่านมาคนว่างงานจากธุรกิจหรือเด็กจบใหม่เมื่อไม่มีงานทำอาจกลับบ้านไปทำภาคเกษตรได้บ้าง แต่ปีนี้ภาคเกษตรของไทยก็เจอผลกระทบหนักจากภัยแล้ง

แรงงานประเทศกลุ่มเสี่ยงแห่กลับไทย

นอกจากนักษาที่จะจบใหม่แล้ว ยังมีแรงงานคนไทยจำนวนมากในประเทศเกาหลีใต้ที่ลักลอบเข้าเมืองหรืออยู่เกินวีซ่ารายงานตัวและต้องการเดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลเกาหลีใต้ได้ประกาศให้ชาวต่างชาติที่พำนักอยู่เกินวีซ่าแสดงความสมัครใจออกนอกประเทศได้ถึงวันที่ 30 มิ.ย.2563 โดยไม่ต้องเสียค่าปรับ ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ได้สอบถามสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ของเกาหลีใต้แล้ว ได้รับทราบว่าตั้งแต่ปลายเดือน ธ.ค.2562 -1 มี.ค.2563 มีคนไทยที่ลักลอบเข้าเกาหลีใต้หรืออยู่ในเกินวีซ่ามารายงานตัวแล้ว 5,000 กว่าคนที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทย นอกจากแรงงานในเกาหลีใต้ที่เดินทางกลับไทยแล้ว ยังมีแรงงานในประเทศกลุ่มเสี่ยงอื่นๆที่ต้องติดตามว่าจะมีการเดินทางกลับ

ไทยอีกจำนวนเท่าไหร่ รวมถึงแรงงานใหม่ของไทยที่จะถูกห้ามเดินทางไปทำงานในประเทศกลุ่มเสี่ยง รวมจำนวนแรงงานเหล่านี้หลายหมื่นคน รัฐบาลจะจัดการแก้ปัญหาการว่างงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างไร ในเมื่อนักศึกษาจบใหม่ก็รอเข้าทำงาน สวนทางกับธุรกิจที่เริ่มจำกัดการรับแรงงานใหม่ ปลดแรงงานเก่า และหลายแห่งต้องปิดกิจการ โดยข้อมูลสถิติจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม พบยอดขอปิดกิจการเดือนม.ค.2563 มีจำนวน 222 โรงงาน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 53.10% คิดเป็นจำนวนแรงงานที่เลิกจ้าง 2.51 พันคน

จับตาแรงงาน 4 กลุ่มเสี่ยง

ปัจจุบันแรงงานที่ขึ้นทะเบียนในระบบประกันสังคมและแรงงานนอกระบบประกันสังคมมีจำนวน 21.8 ล้านคน ในจำนวนนี้แบ่งเป็นแรงงานที่ขึ้นทะเบียนในระบบประกันสังคมจำนวน 11.4 ล้านคน และเป็นแรงงานนอกระบบจำนวน 10.4 ล้านคน ยังไม่รวมแรงงานต่างด้าวและแรงงานในระบบราชการ รัฐวิสาหกิจ ภาคเกษตรและภาคการศึกษา ซึ่งแรงงาน 21.8 ล้านคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง 4 กลุ่ม ประกอบด้วย

1. แรงงานจากภาคท่องเที่ยวที่มีจำนวน 3.2 ล้านคน (ยังไม่รวมแรงงานนอกระบบจากภาคท่องเที่ยวอีกจำนวนมาก) ที่ได้รับผลกระทบจากพิษไวรัสโคโรนาโดยตรง

2.แรงงานจากภาคอุตสาหกรรมการผลิตมีจำนวน 6.1 ล้านคน ซึ่งแรงงานกลุ่มนี้มีความเสี่ยงรอบด้าน ทั้งปัญหาภัยแล้ง วิกฤติเศรษฐกิจโลกและปัญหาสงครามการค้าจีน-อเมริกาลาก รวมถึงไวรัสโคโรนา

3. ภาคบริการโลจิสติกส์ มีแรงงาน 1.2 ล้านคน ซึ่งเป็นธุรกิจที่กำลังได้รับผลกระทบจากไวรัสระบาดเช่นเดียวกัน

4. แรงงานจากภาคค้าปลีกและค้าส่งมีจำนวน 6.2 ล้านคน

โดยแรงงานทั้ง 4 กลุ่มจะได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่ที่ระยะเวลาของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาว่าจะควบคุมได้เมื่อไหร่

สศช.หั่นจีดีพีขยายต่ำกว่าเป้า

นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยแนวโน้มสถานการณ์ด้านแรงงานปี 2563 มีปัจจัยเสี่ยงที่มีแนวโน้มจะกระทบต่อตลาดแรงงานและการจ้างงานได้แก่ ภาวะภัยแล้งในปี 2563 ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่าภัยแล้งในปีนี้มีความรุนแรงที่สุดในรอบ 60 ปี นอกจากนี้ต้องติดตามผลกระทบจากการระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อโควิด-19 ต่อการจ้างงานในภาคบริการและภาคอุตสาหกรรม หากยังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ จะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในสาขาการค้าส่งและค้าปลีก สาขาการขนส่ง สาขาโรงแรมภัตตาคาร และอาจจะเกี่ยวเนื่องไปถึงการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้การการส่งออกที่ขยายตัวต่ำ ความล่าช้าของงบประมาณปี 2563 ในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2563 (ตุลาคม 2562–มกราคม 2563) มีการเบิกจ่ายงบลงทุนคิดเป็น 6.3% จากวงเงินลงทุนทั้งหมด จะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจปี 2563 ขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ด้วย

แต่ถึงแม้ว่าทุกภาคส่วนจะตกอยู่ในอาการช็อค เราก็จะผ่านไปได้อีกครั้งเหมือนที่เคยฝ่าวิกฤติต้มยำกุ้ง แฮมเบอร์เกอร์ไครซิส หรือ น้ำท่วมใหญในปี 2554 มาแล้ว



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ