“ไม่ว่าวันนี้จะมีสื่อสิ่งพิมพ์ปิดตัวไปแล้วกี่ฉบับ แต่ นสพ.สยามธุรกิจ จะยังคงยืนหยัดอยู่ต่อไปและตลอดไป เพื่อเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่สร้างประโยชน์ต่อสังคมไทย”
นั่นคือคำกล่าวของ วัชราภรณ์ เวชกุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามธุรกิจ แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด รักษาการผู้อำนวยการ นสพ.สยามธุรกิจ สะท้อนทิศทางก้าวเดินในโอกาสที่ นสพ.สยามธุรกิจ ครบรอบ 25 ปีก้าวย่างสู่ปีที่ 26 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา
ซีอีโอ นสพ.สยามธุรกิจยังกล่าวถึงจุดเด่นของสยามธุรกิจที่แตกต่างจากหนังสือพิมพ์ฉบับอื่นว่า
“สิ่งที่ทำให้เราแตกต่างจากหนังสือพิมพ์ฉบับอื่นก็คือ 1.สยามธุรกิจเป็นสื่อหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจเพื่อสังคม ที่ผ่านมาได้มุ่งที่จะเป็นสื่อที่เขียนข่าวเชิงวิเคราะห์และสร้างสรรค์ 2.เราไม่ได้ให้ข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจแก่นักธุรกิจ นักบริหารเท่านั้น แต่ได้มุ่งเน้นที่จะเสนอข่าวสารด้านเศรษฐกิจเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชน คนทั่วไปในทุกระดับให้ได้มีโอกาสมีการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ได้ความรู้ความเข้าใจ รู้เท่าทันเศรษฐกิจและความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของสังคมของโลกโลกาภิวัฒน์ในปัจจุบันได้ด้วย 3.เราได้มุ่งหวังที่จะส่งเสริมกลุ่มผู้ประกอบการใหม่ที่เป็น SME เป็นวิสาหกิจชุมชน เป็นพี่น้องประชาชน หรือเป็นเกษตรกรให้ได้มีโอกาสได้เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจยุคใหม่ เป็นเกษตรกรก็ต้องเป็นเกษตรกรยุคใหม่ที่ต้องทันสมัย และเป็นผู้นำทางด้านการเกษตร และ 4.ปัจจุบันเราได้ขยายฐานกลุ่มผู้อ่านจากเดิมเป็นกลุ่มนักธุรกิจอย่างเดียวไปสู่ฐานทุกกลุ่ม เพื่อสร้างฐานเครือข่ายผู้อ่านหนังสือพิมพ์ทั้งกลุ่มองค์กรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชนได้เพิ่มมากขึ้น จนเราเป็นหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจที่มีสมาชิกเป็นจำนวนมากที่สุด”
สำหรับมุมมองเกี่ยวกับการปิดตัวของสื่อสิ่งพิมพ์จำนวนมาก เธอสะท้อนภาพรวมดังกล่าวว่า
“ในด้านของการรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากโลกออนไลน์หรือโซเซียลเน็ตเวิร์ท หรือจากทางดิจิทัลถือว่าเป็นกระแสที่มาแรงตอบสนองความต้องการของคนยุคใหม่ที่ต้องการเสพสื่อ เสพข้อมูลข่าวสารที่สะดวก และสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็วทันที ทันสถานการณ์ในทุกสถานที่ตามกระแสนิยม แต่ข้อมูลข่าวสารจากโลกดิจิทัลเป็นข้อมูลข่าวสารดิบๆที่ยังมีข้อจำกัดด้านการกลั่นกรองอย่างรอบด้านและละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งต่างจากสื่อหนังสือพิมพ์ที่จะสามารถนำเสนอได้ในลักษณะของข้อมูลข่าวสารที่ได้กลั่นกรองแล้ว วิเคราะห์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะถือว่าเป็นข้อมูลข่าวสารที่มีความน่าเชื่อถือได้มากกว่า และการเป็นสื่อหนังสือพิมพ์ที่เป็นสำนักข่าวก็ย่อมมีความน่าเชื่อถือกว่าออนไลน์ทั่วไป สยามธุรกิจจึงคิดว่าถึงแม้จะมีสื่อดิจิทัลเข้ามาเป็นที่นิยมในปัจจุบัน แต่เชื่อว่าสื่อหนังสือพิมพ์ สื่อทีวีก็จะยังคงมีบทบาทสำคัญในด้านการตลาดอยู่ต่อไป แต่สื่อหนังสือพิมพ์ สื่อทีวีจะต้องปรับตัวให้มีการใช้ประโยชน์จากดิจิทัลควบคู่ไปด้วยให้ได้อย่างเหมาะสม หากมีการปรับตัวก็จะสามารถดำรงอยู่ได้และยังคงมีบทบาทสำคัญอยู่”
เธอยังกล่าวถึงจุดเด่นของสื่อสิ่งพิมพ์ที่ต่างจากสื่อดิจิทัลว่า
“สื่อดิจิทัลเป็นสื่อที่เข้าถึงง่าย รวดเร็ว แต่ฉาบฉวย จึงเป็นช่องว่างที่สื่อหนังสือพิมพ์น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่เข้าไปเติมเต็มข้อมูลข่าวสารที่จะทำให้ข่าวสารข้อมูลนั้นมีความน่าเชื่อถือ มีความหนักแน่นได้เพิ่มมากขึ้น เชื่อได้ว่าในอนาคตผู้คนก็จะยังคงต้องอ่านข่าวสารจากหนังสือพิมพ์อยู่ ทั้งจากหน้าหนังสือพิมพ์ หรือหน้าสื่อออนไลน์ของหนังสือพิมพ์ที่จัดทำขึ้น เพราะการเป็นสำนักพิมพ์ เป็นสำนักข่าว จะทำให้เกิดความมั่นใจและมีความเชื่อได้ของข้อมูลข่าวสาร”
ปิดท้ายด้วยทิศทางของสยามธุรกิจ 2020 ว่า
“ในปีใหม่ 2020 นี้ สยามธุรกิจจะมีการจัดกิจกรรมที่เป็นงานอีเวนต์มากยิ่งขึ้น เพื่อให้สยามธุรกิจมีการขยายฐานผู้อ่าน และสมาชิกทั้งทางสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อออนไลน์ให้ได้มากยิ่งขึ้น จะมีการลงพื้นที่ไปสร้างการรับรู้และร่วมทำกิจกรรมกับชุมชนในท้องถิ่นต่างๆมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นสื่อกลางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจส่งเสริมการตลาดให้ท้องถิ่น ส่งเสริมการท่องเที่ยวท้องถิ่น ส่งเสริมเศรษฐกิจการเกษตรในท้องถิ่น หากชุมชนไหนต้องการให้สยามธุรกิจลงไปร่วมไปส่งเสริมก็สามารถติดต่อได้ที่สยามธุรกิจโดยตรงทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ”