ภก.ดร.แสงสุข พิทยานุกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก “เดนทิสเต้” และผลิตภัณฑ์ดูแลผิว“สมูท-อี”กล่าวว่า ในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังวิกฤติหนักมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเจอปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ”โควิด-19” ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน เราเองในฐานะบริษัทที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าเพื่อความงามและสุขภาพของคนไทยมาอย่างยาวนาน และได้ดำเนินธุรกิจผ่านช่วงเวลาทั้งดีและไม่ดี เจอวิกฤติต่าง ๆ มามากมายก็สู้ฝ่าฟันดำเนินธุรกิจผ่านพ้นมาได้ ดังนั้น สถานการณ์ที่เกิดขึ้นธุรกิจเราอาจไม่ได้ผลกระทบเท่าไหร่นัก เนื่องจากสินค้าของเราเป็นสินค้าที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นยาสีฟัน ครีมล้างหน้า ครีมอาบน้ำ ยาสระผม เป็นต้น ซึ่งถือเป็นสินค้าจำเป็นที่คนต้องใช้กันทุกวัน
อีกทั้ง เรายังมองว่าในสถานการณ์วิกฤติก็ยังมีโอกาสทางธุรกิจเสมอ ล่าสุดเมื่อในช่วงประมาณเดือนมกราคมที่ผ่านมาจากที่เริ่มมีกระแสของโรคไวรัสโควิด ทางบริษัทเองในฐานะที่เราเป็นบริษัทที่ผลิตสินค้าเพื่อสุขภาพและมีวัตถุดิบเกี่ยวกับเจ้าตัวแอลกฮอล์อยู่ในไลน์การผลิตอยู่ จึงได้ทำการออกผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Smooth E Hand Sanitizer Gel เจลล้างมือแอลกอฮอล์ 75% ฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ที่มีส่วนผสมของ Moisturizer, Aloe Vera, และ Vitamin E นอกจากให้ความสะอาดแล้วยังช่วยบำรุงผิวไปในตัว ซึ่งขณะนี้เราสามารถผลิตจำหน่ายได้แค่ 5 หมื่นขวดต่อวัน โดยได้วางจำหน่ายเฉพาะในร้านขายยา P&F smooth life ของเราเท่านั้นมีอยู่ราว 70 สาขาทั่วไทยและผ่านช่องทางออนไลน์ของบริษัทในราคา 69 บาท ขนาด 30 ML วัน
โดยช่วงที่ผ่านมาได้วางจำหน่ายได้รับผลตอบรับดีมากของหมดทุกวันเพราะช่วงนี้สินค้าดังกล่าวเป็นที่ต้องการของตลาดมาก แต่ทางร้านเราก็มีเงื่อนไขคือ ผู้บริโภค1 คนซื้อได้จำนวน 20 ชิ้นเท่านั้นและช่วงเดือนนี้เราก็จะออกรูปแบบสเปรย์ฆ่าเชื้อที่มือ แอลกอฮอล์ 76% ขนาด 50 ML ในราคาราว 95 บาท เพราะมีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์มากกว่าแบบเจลเพื่อเป็นการตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคคนไทยในขณะนี้ที่มีความกังวลในเรื่องของเชื้อไวรัสและหาสินค้าที่มีคุณภาพดีและราคายุติธรรมยากในช่วงนี้
ผู้บริหารกล่าวต่อว่า สำหรับแผนการตลาดในปีนี้ บริษัทได้วางแผนดำเนินธุรกิจกลยุทธ์ใหม่ Planet Marketing สู้กับสมรภูมิการตลาดในโลกยุค Digital disruption การเจาะตลาดกลุ่มคน Gen Y หรือ Gen Z ซึ่งการตลาดแบบ 4P ไม่เพียงพอ ต้องมีอีก 3P ซึ่งมีอิทธิพลมากขึ้นทุกวัน คือ People, Profit และ Planet เพื่อสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและขยายความรับผิดชอบให้เกิดสมดุลของโลกธุรกิจ ทั้งผลกำไร ผู้คน และโลกใบนี้ โดยปีนี้บริษัทจะใช้กลยุทธ์การตลาดแนวใหม่เปิดตัวสินค้าใหม่ ทั้งกลุ่มแบรนด์เดนทิสเต้และสมูทอี สื่อสารผ่านชมภาพยนตร์โฆษณาให้แชร์ต่อกันไปทั้งในระดับ Regional และ Global ด้วย เนื่องจากบริษัทได้วางแผนอีก 5 ปีนับจากนี้จะขยายตลาดสินค้าไปให้ครอบคลุมทั่วโลกทั้งในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา โดยที่ผ่านมาสินค้ากลุ่มแบรนด์ “เดนทิสเต้” สามารถเจาะตลาด 25 ประเทศ และมีแนวโน้มเติบโตดีมากในญี่ปุ่น เกาหลี ซึ่งสร้างยอดขายได้สูงมากกว่าตลาดประเทศไทย 3-4 เท่า และก็ยังมีในตลาดยุโรป อย่าง เยอรมัน ออสเตรีย สวิสฯ เป็นต้น และตลาดอเมริกาที่ยังขายอยู่ในอเมซอน ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ 30 % และมียอดขายจากต่างประเทศอยู่ที่ 80 % โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้าจะสามารถสร้างยอดขายได้ราว 4-5 พันล้านบาท เติบโตอยู่ที่ 20 %
ด้าน ศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล Product Manager และ ศิวกร พิทยานุกุล Product Manager สองทายาทผู้บริหาร กล่าวเสริมว่า สำหรับผลประกอบการปี 2562 ที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้และผลกำไรเติบโตอยู่ที่ 15% สำหรับแผนตลาดในปีนี้บริษัทเร่งขยายช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆและใช้การตลาดรูปแบบใหม่ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อรุกฐานผู้บริโภคกลุ่มใหม่ รวมทั้งลุยตลาดต่างประเทศ ซึ่งแบรนด์เดนทิสเต้กำลังเดินหน้าต่อเนื่อง มีการจ้างเอเจนซี่แบรนด์ระดับโลกที่เคยวางแผนให้แบรนด์ยักษ์ใหญ่ มาทำให้กับ สินค้ากลุ่มแบรนด์ “เดนทิสเต้” และ“สมูท-อี” โดยได้ออกแคมเปญโฆษณา Dentiste' Mouth Spray Extra Fresh เพื่อเปลี่ยนแนวคิดจากที่เคยคิดว่ากลิ่นปากเป็นเรื่องเล็ก แท้ที่จริงเป็นปัญหาใหญ่และเดนทิสเต้มีสินค้าที่สามารถแก้ปัญหาตรงจุด และ แคมเปญ Smooth-E Cleansing oil with serum เพื่อเน้นความสำคัญของการชำระล้างอย่างหมดจดเหมือนการกล้าเปิดเผยปัญหาต่างๆ โดยเปิดตัวโฆษณาเพียง 7 วันแรกผ่านสื่อโซเชียล มีผู้คนแชร์ต่ออย่างรวดเร็วมากกว่า 1.8 -2 ล้านวิว และจากกระแสตอบรับที่ดีมาก บริษัทได้เร่งกระจายสินค้า ทั้ง Dentiste' Mouth Spray Extra Fresh และ Smooth-E Cleansing oil with serum ในช่องทางต่างๆอย่างครอบคลุม ทั้งกลุ่มร้านขายยาทั่วไปและ P&F ทั่วประเทศและร้านโมเดิร์นเทรดชั้นนำ
