"นิวยอร์ก" ดงเศรษฐีพันล้าน คนจีนมั่งคั่งขนเงินลงทุนสหรัฐฯ

วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2556



มหานครนิวยอร์กเป็นแหล่งพำนัก ของอภิมหาเศรษฐีระดับพันล้านของโลก มากที่สุด แต่โตเกียว ญี่ปุ่น ยังเป็นแหล่ง รวมเศรษฐีมากที่สุด จับตาอีก 10 กว่าปีข้างหน้า จีน อินเดีย จะกลายเป็นดินแดนที่คนมีเงินอาศัยอยู่มากที่สุด ด้าน เศรษฐีจีนหอบเงินไปลงทุนอสังหาฯ ใน สหรัฐฯ และต่างประเทศ หนีความผันผวนของเศรษฐกิจในบ้าน

เวลธ์อินไซต์ (WealthInsight) เป็น บริษัทวิจัยอิสระ ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงลอนดอน อังกฤษ รายงานผลการศึกษา ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลในระยะ 5 ปีถึงปี 2555 โดยระบุว่า เศรษฐีอยู่ที่ไหนกันบ้างในโลกนี้ ซึ่งปรากฏว่า กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น คือแหล่งรวมเศรษฐีที่มีทรัพย์สินตั้งแต่ 1 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป มากที่สุดใน 20 เมืองในตารางจัดอันดับ มีจำนวน 461,000 คน รองลงมา ได้แก่ เป็นนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา 389,000 คน ตามด้วยกรุงลอนดอน ของอังกฤษ 281,000 คน ปารีส ประเทศ ฝรั่งเศส 219,000 คน และแฟรงก์เฟิร์ต ของเยอรมนี 217,000 คน ส่วนที่เหลือใน 10 อันดับแรกคือ ปักกิ่ง โอซากา ฮ่อง-กงและเซี่ยงไฮ้

แอนดรูว์ อามอยล์ส จากเวลธ์อินไซต์ กล่าวว่า เหตุผลหลักที่ทำให้โตเกียวติดอันดับ เนื่องจากความหนาแน่นของประชากร แต่ถ้ามองในภาพรวมทั้งประเทศ สหรัฐฯมีเศรษฐีเงินล้านจำนวนสูงกว่ามาก คือ 5 ล้านต่อ 2 ล้านคน คนร่ำรวยในอเมริกากระจายกันอยู่ในหลากหลายเมือง ขณะประชากรญี่ปุ่นกระจุกตัวหนาแน่นอยู่ในมหานครโตเกียวเท่านั้น

แต่ถ้าคิดแค่กลุ่มเศรษฐีที่มีทรัพย์สิน กว่า 30 ล้านดอลลาร์ หรือ มัลติ มิลเลียน แนร์ พบว่า กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ อยู่ในอันดับหนึ่ง ที่จำนวน 4,224 คน ขณะที่กรุงโตเกียวกับสิงคโปร์ตามมาเป็นที่สองและสามตามลำดับ

ส่วนเศรษฐีพันล้าน ย่านแมนฮัตตันในนิวยอร์ก มีมหาเศรษฐีพันล้านมากสุดที่จำนวน 70 คน ตามด้วยมอสโคว์ 64 คน ลอนดอน 54 คน ฮ่องกง 40 คนและ กรุงปักกิ่งของจีน 29 คน อย่างไรก็ตาม ที่น่าสนใจคือ กรุงมอสโคว์ของรัสเซีย นคร มุมไบ ประเทศอินเดีย และนครอิสตันบูล ของตุรกี เป็นนครที่ติดอันดับแหล่งรวมมหา เศรษฐีพันล้าน สูงกว่าอันดับในทำเนียบเศรษฐีเงินล้าน

กรุงมอสโคว์ อยู่ในอันดับ 20 ของเศรษฐีเงินล้าน และไม่ติดทำเนียบ 20 เมือง ที่มีเศรษฐี 30 ล้านขึ้นไปเลย แต่กลับอยู่ในอันดับสองของทำเนียบเศรษฐีพันล้าน

ทั้งนี้ เวลธ์อินไซต์ ประมาณการในปี 2568 เพื่อดูว่าประเทศไหนจะเป็นแหล่ง รวมเศรษฐีมากที่สุด ปรากฏว่าญี่ปุ่นจะอยู่ ในอันดับสอง ตามหลังสหรัฐฯ แต่อาจเสีย ตำแหน่งรองแชมป์ให้กับจีน โดยจีนจะแซง ญี่ปุ่นและเยอรมนี เป็นประเทศที่มีเศรษฐี 3.3 ล้านคน เทียบกับญี่ปุ่นที่จะมีเศรษฐี 2.2 ล้านคน ขณะที่สหรัฐฯจะมีเศรษฐีสูงกว่าทั้งสองประเทศที่จำนวน 7.7 ล้านคน ส่วนอินเดียอีกหนึ่งยักษ์ใหญ่แห่งเอเชีย จะกระโดดจากอันดับ 11 ในปี 2555 ขึ้นไปอยู่อันดับ 5 ในปี 2568

ในขณะเดียวกัน รายงานจาก ไชน่า เมอร์แชนต์ แบงก์ และบริษัทที่ปรึกษา เบน แอนด์ โค เปิดเผยว่า เศรษฐีจีนกำลังหันไปลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ และสินทรัพย์อื่นๆ ในต่างประเทศ เนื่อง จากพยายามปกป้องความร่ำรวยในช่วงที่ เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หลังจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวที่ระดับ 7.8% ในช่วงปีที่ผ่านมาจากที่เคยขยายตัวเกิน 10% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

โดยข้อมูลจากไชน่า เมอร์ชานต์ และเบน แอนด์ โค ระบุว่า การขยายตัวของจำนวนคนจีนที่มีเงินอย่างน้อย 10 ล้านหยวน (1.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในการลงทุนสินทรัพย์นั้นชะลอตัวลงในช่วงปี 2553-2555 โดยในช่วง 2 ปีก่อนหน้าขยาย ตัวเพิ่มขึ้น 18% หรืออยู่ที่ 700,000 รายลดลงจากช่วงปี 2551-2553 ที่ขยายตัว 29% ในจำนวนนี้อย่างน้อย 100,000 ราย ที่ร่ำรวยมากกว่า 50 ล้านหยวน (8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขณะที่อีก 40,000 รายมีมากกว่า 100 ล้านหยวน (16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

เศรษฐีที่ทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ยังได้รับผลกระทบจากนโยบายควบ คุมราคาขายอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลจีน ที่ทำให้ยอดอสังหาริมทรัพย์ของนักลง ทุนลดลง ขณะที่รัฐบาลจีนส่งเสริมให้บริษัท ธุรกิจและประชาชนนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ ทำให้ปัจจุบันมีเงินไหลออกจากจีนเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง แม้รัฐบาลจะมีการจำกัดปริมาณการนำเงินออกนอกประเทศ


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ