คลัง : แบงก์ชาติกลุ่มจี7 เห็นพ้องปรับปรุงกฎระเบียบของธนาคารพาณิชย์ รวมถึงการปิดกิจการ หวังลดความเสียหาย-รักษาเสถียรภาพทางการเงิน เล่นงานการหลีกเลี่ยงภาษี พร้อมให้คำมั่นเลิกลดค่าเงิน แต่ยอมรับมาตรการยืดหยุ่นทางการเงินของญี่ปุ่น อ้างดูแลเศรษฐกิจในประเทศ

หลังเสร็จสิ้นการประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าธนาคารกลางของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ (จี7) ซึ่งประกอบไปด้วย สหราชอาณาจักร แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ที่จัดขึ้นในเมืองไอเลสเบอรี ชานเมืองของกรุงลอนดอน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เปิดเผยว่า มีการหารือเกี่ยวกับกฎระเบียบของธนาคาร พาณิชย์ รวมถึงวิธีปิดกิจการธนาคารพาณิชย์ โดยผู้นำทางการเงินในกลุ่มจี7 มีมุมมองที่ชัดเจนว่ากฎระเบียบที่แตกต่างกันอยู่ควรหาแนวทางให้มาบรรจบกันเท่าที่จะเป็นไปได้ นอกจากนี้ ผู้นำทาง การเงินในกลุ่มจี7 ยังหารือเกี่ยวกับความสำคัญของสหภาพธนาคารของสหภาพยุโรป (อียู) เช่นกัน

จี7 ยังให้คำมั่นว่าจะหลีกเลี่ยงการแข่งขันการลดค่าเงินหลังดอลลาร์พุ่งขึ้นเกือบแตะ 102 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2551 โดยกำหนดพันธกิจที่จะไม่พุ่งเป้าไปที่อัตราแลกเปลี่ยนในการกำหนดงบประมาณและ นโยบายการเงิน หลังจากก่อนหน้านี้ ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าธนาคารกลางของกลุ่มประเทศจี 20 ได้ส่งสาส์นในลักษณะที่คล้ายกันในการประชุมที่รัสเซียเมื่อปลายเดือนก.พ.และที่วอชิงตันในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา

ด้านนายจอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีคลังอังกฤษ เจ้าภาพในการประชุม กล่าวว่า มีการรับรู้อย่างเป็นทางการว่าสมาชิก แต่ละชาติจำเป็นที่จะต้องรับประกันอัตรา การเติบโตทางเศรษฐกิจของตนด้วยการสร้างสมดุลระหว่างมาตรการรัดเข็มขัดและนโยบายที่ส่งเสริมให้เกิดอัตราการเติบโต โดยเห็นพ้องกันถึงความสำคัญในการหามาตรการที่จะรับมือกับธนาคารที่ล้มเหลวในการดำเนินงาน และร่วมมือกันหยุดยั้งบริษัทและบุคคลต่างๆ จากการเลี่ยงภาษี

ทั้งนี้ การฟื้นตัวจากภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาไม่ต่อเนื่อง ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเป็น ประเทศที่มีเขตเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกดูเหมือนจะได้รับแรงฉุด ขณะที่หลายๆ ประเทศของยุโรปยังอยู่ในสภาวะชะลอตัวในขณะที่พวกเขาพยายามที่จะจัดการกับสถานะทางการเงินสาธารณะผ่านทาง การตัดลดงบประมาณจำนวนมากและการปรับเพิ่มภาษี

"เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะจัดการกับผู้ที่เลี่ยงภาษี และสถาบันของอังกฤษหลายแห่งกำลังทำงานเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาได้ดำเนินการตามมาตรฐานของนานาชาติ"

ด้านญี่ปุ่น ประเทศที่มีเขตเศรษฐกิจ ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกเป็นจุดสนใจในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลชุดใหม่ของนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ให้สัญญาถึงย่างก้าวที่แข็งกร้าวเพื่อที่จะเริ่มต้นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจบูมหลังสงครามซึ่งหยุดชะงักไปเมื่อช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 ให้ฟื้นกลับขึ้นมาใหม่ และส่วนหนึ่งของความพยายามนั้น คือการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีแผนที่จะเพิ่มจำนวนเงินสดที่ไหลเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจญี่ปุ่นขึ้นเป็น 2 เท่า และถือไว้ในฐานะทุนสำรองของธนาคาร

อย่างไรก็ตาม ข้อโต้แย้งที่นำเสนอโดยเจ้าหน้าที่ของญี่ปุ่นว่า พวกเขาตั้งเป้า ไปที่การกระตุ้นทางการเงิน ไม่ใช่อัตราแลกเปลี่ยน ได้รับการยอมรับจากชาติสมาชิก จี7 ด้วยกัน

แต่นักวิเคราะห์ระบุว่า เป็นเรื่องยาก ที่จี7 จะแสดงความกังวลในเรื่องของญี่ปุ่น ต่อที่สาธารณะ เนื่องจากหลายประเทศอย่างเช่น สหรัฐฯ และอังกฤษ ถูกกล่าวหาว่าลดค่าเงินของตัวเองในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่าน มาผ่านทางนโยบายกระตุ้นทางการเงิน

ผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมดในการประชุม ระบุว่า การกระตุ้นอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจเป็นความจำเป็นลำดับแรกในตอนนี้ ในขณะที่ดูเหมือนตลาดการเงินจะสงบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผลของวิกฤติหนี้ที่เกาะกุมกลุ่มประเทศสมาชิกผู้ใช้เงินสกุลยูโร 17 ชาติ