นายวรเศรษฐ์ ตันติศิริวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บี.กริม แคเรียร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากภาพรวมสภาวะเศรษฐกิจ การเมือง และปัจจัยลบต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลกขณะนี้ที่อาจมีผลกระทบมายังประเทศไทยบ้าง ดังนั้นบริษัทคาดว่าในภาพรวมของตลาดเครื่องปรับอากาศปี 63 นี้จะส่งผลในกลุ่มของตลาดแอร์เชิงพาณิชย์ที่น่าจะมีอัตราการเติบโตที่ลดลง แต่ในส่วนของแอร์ขนาดเล็กน่าจะเติบโตได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องอันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่ร้อนในเมืองไทยและเรื่องปัญหาฝุ่นที่ยังคงมีอยู่ในปีนี้
โดยดูได้จากในปี 2562 ที่ผ่านมาตลาดเครื่องปรับอากาศของไทยโตขึ้นประมาณ 9% มียอดขายรวมอยู่ที่ 37,000 ล้านบาท อันเป็นผลจากปัจจัยบวกด้านสภาพอากาศร้อนจัด และปัญหาฝุ่น PM 2.5 ส่งผลให้สินค้าในกลุ่มทำความเย็นมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น โดยแบ่งเป็นตลาดแอร์บ้านและคอนโด ประมาณ 24,000 ล้านบาท หรือมีจำนวน 1 ล้าน 8 แสนเครื่อง ถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด และต่อมาคือตลาดแอร์เชิงพาณิชย์อยู่ที่ 13,000 ล้านบาท ในปัจจุบันสินค้าเครื่องปรับอากาศของแคเรียร์อยู่อันดับท็อป 3 ของตลาดด้วยสัดส่วน 17% และคาดว่าจะสามารถชิงส่วนแบ่งตลาดได้เพิ่มขึ้นเป็น 21% ในปีนี้
ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศแบบติดผนังระบบอินเวอร์เตอร์ 3 ซีรีส์ ได้แก่ 1. แคเรียร์ เอ็กซ์ อินเวอร์เตอร์ เอ็กซ์ 1 โดดเด่นเรื่องการประหยัดพลังงานตามมาตรฐานฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 สูงสุด 3 ดาว 2. แคเรียร์ เอ็กซ์ อินเวอร์เตอร์ เอ็กซ์ 2 ในขนาด 25,000-30,000 BTU มาพร้อมระบบฟอกอากาศ X-Ionixer ช่วยลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 รวมถึงเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกที่ปนเปื้อนในอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ และ 3. แคเรียร์ เอ็กซ์ อินเวอร์เตอร์ เอ็กซ์ 3 มีระบบทำความเย็นขนาด 36,000 BTU ที่ใช้งานได้กับห้องกว้างขนาดใหญ่ถึง 50 ตารางเมตร ด้วยคุณสมบัติเฉพาะของเครื่องปรับอากาศแคเรียร์ 12 ประการ มาเป็นสินค้าเรือธงในต้นปีนี้
บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายเฉพาะรุ่น แคเรียร์ เอ็กซ์ อินเวอร์เตอร์ ทั้ง 3 ซีรีส์ ดังกล่าวอยู่ที่ 30,000 ชุด พร้อมวางกลยุทธ์และงบลงทุนทางการตลาดแบบครบวงจรไว้มากกว่า 200 ล้านบาท ในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมการขาย ผ่านสื่อทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เป็นต้น พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ในการนำ 3 ศิลปิน ดารา ได้แก่ ทอม อิศรา กิจนิตย์ชีว์, ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ และต่อ ธนภพ ลีรัตนขจร มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายคนรุ่นใหม่ในปีนี้มากขึ้น เพราะบริษัทเล็งเห็นว่าคนรุ่นใหม่ปัจจุบันมีการหาข้อมูลมากขึ้นในการหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของตนเองในสังคมยุคคนเมืองและมีกำลังซื้อมากด้วยเช่นกัน
“ตลาดแอร์อินเวอร์เตอร์ถือเป็นตลาดที่เติบโตสูงขึ้นมากเรื่อยๆ ในแถบประเทศยุโรปซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 50-60 % c]h; ส่วนสำหรับในประเทศไทยเองตลาดแอร์ดังกล่าวปีที่ผ่านมายังเติบโตอยู่ที่ 15 % ซึ่งยังถือเป็นอัตราที่ยังไม่มากนัก แต่ในอนาคตเรามองว่าคนไทยจะเริ่มเข้าใจและหันมาสนใจใช้แอร์อินเวอร์เตอร์มากขึ้น เพราะมีประโยชน์และช่วยในเรื่องของการประหยัดพลังงานด้วย ซึ่งมองว่าปีนี้น่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 20 % และในส่วนของกลุ่มอินเวอร์แคเรียร์เองเราตั้งเป้าเติบโตถึง 100 % จากการที่ปีนี้เราได้เปิดตัวถึง 3 รุ่นและรุกทำตลาดมากขึ้นอย่างหนักกว่าปีที่ผ่านมา”
สำหรับด้านตัวเลขผลประกอบการของแคเรียร์ เฉพาะตลาดเครื่องปรับอากาศมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2562 ที่ผ่านมาปิดยอดขายรวมในประเทศกว่า 6,400 ล้านบาท แบ่งเป็นเครื่องปรับอากาศติดผนัง 2,500 ล้านบาท โตขึ้นประมาณ 80% และเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ 3,900 ล้านบาท โตขึ้นราว 11% รวมมียอดรายได้โตขึ้นกว่า 35% จากปีก่อนหน้า ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 17% ติดอันดับท็อปทรีของตลาดเครื่องปรับอากาศในประเทศไทย ส่วนในปีนี้ตั้งเป้ายอดขาย 8,000 ล้านบาท โตขึ้น 25% ซึ่งถือเป็นสัดส่วนรายได้ในประเทศอยู่ที่ 10 % และเรายังมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกทั่วโลกอีก 90 %