"รูเพิร์ต เมอร์ดอค"ผ่าตัดธุรกิจครั้งใหญ่ แยกส่วนธุรกิจ"สิ่งพิมพ์-ธุรกิจทีวี+บันเทิง"

วันจันทร์ที่ 03 มิถุนายน พ.ศ. 2556



"รูเพิร์ต เมอร์ดอค" เจ้าพ่อสื่อเบอร์หนึ่งของโลกใส่เกียร์เดินหน้าเต็มตัวกับการผ่าตัดแยกส่วนธุรกิจในสังกัด "นิวส์คอร์ป" ตามคำเรียกร้องของกลุ่มผู้ถือหุ้น

โฉมหน้าใหม่ของกลุ่มนิวส์คอร์ป ภายหลังการผ่าตัดจัดระเบียบจะถูกแบ่งแยกออกเป็น 2 กลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มแยกขาดจากกันอย่างเด็ดขาด

กลุ่มแรก คือกลุ่มธุรกิจสิ่งพิมพ์ ที่จะประกอบไปด้วยสื่อสิ่งพิมพ์ทุกชนิด ทุกประเภท ทั้งที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และออสเตรเลีย ซึ่งจะยังคงใช้ชื่อ "นิวส์คอร์ป" อยู่ต่อไป

กลุ่มที่สอง คือกลุ่มธุรกิจทีวี ภาพยนตร์ และความบันเทิงทั้งหมด ซึ่งจะใช้ชื่อที่ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นใหม่ ได้แก่ "ทเวนตี้เฟิร์สเซ็นจูรี่ฟ็อกซ์"

แต่ละกลุ่มธุรกิจ ที่มีสถานะเป็นนิติบุคคลแยกขาดจากกัน จะมีโครงสร้างคณะกรรมการเฉพาะของตัวเอง โดยรูเพิร์ต เมอร์ดอค พร้อมด้วยทายาท 2 คนคือเจมส์ และลาชลัน เป็นกรรมการควบอยู่ทั้งในนิวส์คอร์ป และทเวนตี้เฟิร์สเซ็นจูรี่ฟ็อกซ์

สำหรับกรรมการอื่นๆ ใน นิวส์คอร์ป ประกอบไปด้วย จอห์น เอลคานน์ ประธานบริษัทเฟียต แอนนา พอลล่า เพซัว หุ้นส่วนบริษัทบรันส์วิคกรุ๊ป มาสรัว ซิดดิกี หุ้นส่วนผู้จัดการ บริษัทนายาแมเนจเมนท์ และโรเบิร์ต ทอมสัน ทำหน้าที่ซีอีโอหรือประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารทำหน้าที่บังคับบัญชาการบริหารนิวส์คอร์ป เวอร์ชั่นใหม่ทั้งหมด

ในส่วนกรรมการอื่นๆ ใน ทเวนตี้เฟิร์สเซ็นจูรี่ฟ็อกซ์ นอกจากรูเพิร์ต เมอร์ดอค และ 2 ทายาทแล้ว ประกอบ ด้วยเดลฟิน อาร์โนลต์ รองผู้จัดการทั่วไป บริษัทคริสเตียนดิออร์ ฌาค แนสเชอร์ อดีตซีอีโอค่ายฟอร์ดมอเตอร์ และโรเบิร์ต ซิลเบอร์แมน ประธานบริษัทสตราเยอร์เอ็ดดูเคชั่น

กระบวนการผ่าตัดจัดระเบียบใหม่ของธุรกิจนี้ มี รูเพิร์ต เมอร์ดอค ทำหน้าที่เสมือนหนึ่งหัวหน้าคณะศัลยแพทย์ และมีกำหนดให้ทุกอย่างเรียบร้อยโรงเรียนเมอร์ดอคในวันศุกร์ที่ 28 มิถุนายนนี้ ซึ่งถือเป็นวันทำการสุดท้ายของรอบบัญชีปัจจุบันที่กำหนดสิ้นสุดลง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556

เหตุปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้รูเพิร์ต เมอร์ดอค ตัดสินใจแยกกลุ่มธุรกิจสิ่งพิมพ์ กับกลุ่มธุรกิจทีวี ภาพยนตร์ และบันเทิงออกจากกันอย่างเด็ดขาด นอกเหนือจากเสียง เรียกร้องจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเสียงข้างน้อยแล้ว ยังมีสาเหตุมาจากแนวโน้มธุรกิจสิ่งพิมพ์ที่นับวันจะสาละวันเตี้ยลง และหากปล่อยไว้ต่อไปความเสื่อมเสียของ ธุรกิจสิ่งพิมพ์ อาจจะระบาดลุกลามไปสร้างความเสื่อมเสียแก่ธุรกิจทีวี ภาพยนตร์ และบันเทิง

รูปธรรมความย่ำแย่ของธุรกิจสิ่งพิมพ์สะท้อนให้เห็นเป็นประจักษ์ใน 2 ลักษณะ

ลักษณะแรก คือตัวเลขมูลค่าธุรกิจดาวโจนส์ที่พ่วงด้วยหนังสือพิมพ์วอลสตรีทเจอร์นัล ที่เหมาซื้อมาจากครอบครัวแบนครอฟท์ ด้วยราคา 5,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อปี 2550 ได้เสื่อมค่าลงอย่างรวดเร็วเหลือเพียงแค่ 2,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยเวลาเพียง 3 ปี และปัจจุบันมูลค่าทางบัญชีของกลุ่มธุรกิจสิ่งพิมพ์มีรวมกันทั้งหมดเพียง 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น

ลักษณะที่สอง คือกลุ่มธุรกิจสิ่งพิมพ์ ไม่เพียงเสื่อมค่าลงอย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ผลประกอบการก็ดูจะย่ำแย่ลงปีแล้วปีเล่า

เฉพาะในรอบบัญชีปี 2555 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2555 มีผลขาดทุนสูงถึง 1,890 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ดูท่าเจ้าพ่อสื่ออย่างรูเพิร์ต เมอร์ดอค กำลัง "ถอดใจ" จากธุรกิจสิ่งพิมพ์ และเตรียมการรอคอยโอกาส และจังหวะที่เหมาะสมเพื่อสลัดธุรกิจนี้ทิ้งไปก่อนที่จะ "เข้าเนื้อ" มากไปกว่านี้


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ