นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า คดีพิพาทกับเอกชน กรณี บอกเลิกสัญญาโครงการเช่าระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมอุปกรณ์ (อีทิคเก็ต) และเครื่องเก็บค่าโดยสาร หรือกล่องเก็บค่าโดยสาร “แคชบ็อกซ์” (Cash box) บนรถโดยสารประจำทาง 2,600 คัน วงเงิน 1,665 ล้านบาทนั้น จะให้ ขสมก. แก้ปัญหาเองก่อน หากแก้ไม่ได้ค่อยมานำเสนอบอร์ดหาแนวทางแก้ปัญหาต่อไป
สำหรับแผนบริหารหนี้ 100,000 ล้านบาทนั้น ตนไม่หนักใจ เพราะหนี้ก็คือหนี้ มีสัดส่วนหนี้แบ่งกันเพื่อบริหารหนี้สินต่อไป รวมทั้งเพิ่มรายได้ด้านเดินรถและพื้นที่เชิงพาณิชย์
ส่วนมาตรการการลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนตามนโยบายของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ผ่านโปรโมชั่นค่ารถเมล์ 30 บาท ตลอดทั้งวัน รวมถึงตั๋วรายเดือน ราคา 750 บาท เฉลี่ย 25 บาทต่อวัน นั้น จะเร่งดำเนินการต่อไป และได้สั่งให้ ขสมก. หาแนวเส้นทางเชื่อมระหว่างท่าเรือกับสถานีรถไฟฟ้า เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และสอดคล้องกับแผนปฏิรูปเส้นทางรถเมล์ โดยแนวคิดนี้ช่วยสร้างรายได้ให้องค์กรเพิ่ม และลดปัญหาการจราจรด้วย เพราะไม่ต้องใช้งบประมาณลงทุนจำนวนมาก
อีกทั้งยังสามารถดึงดูดให้คนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติใช้บริการรถเมล์ ขสมก. มากขึ้น เพื่อเชื่อมต่อไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ตลอดจนเชื่อมต่อการเดินทางของระบบขนส่งสาธารณะทุกโหมดการเดินทางได้ อาทิ นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาที่สถานีหัวลำโพง จากนั้นสามารถนั่งรถเมล์ต่อไปเยาวราชได้ โดยที่ไม่ต้องใช้บริการรถตุ๊กๆ หรือแท็กซี่