ฉวงฮุย บริษัทแปรรูปอาหารจาก เนื้อหมูที่ใหญ่ที่สุดของจีน ประกาศศักดาทุ่ม 4,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทกโอเวอร์ สมิธฟิลด์ ฟู้ดส์ บริษัทแปรรูปเนื้อสัตว์ของสหรัฐฯ หวังป้อนเนื้อหมู ที่มีเพิ่มมากขึ้นในตลาดจีน

บริษัทจีนแสดงศักยภาพในการลงทุนต่างประเทศอีกครั้ง เมื่อบริษัท ฉวงฮุย อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ ฉวงฮุย อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้แปรรูปผลิต-ภัณฑ์เนื้อหมูรายใหญ่ที่สุดของจีน ประกาศ ทุ่มเงินถึง 4,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 136,300 ล้านบาท) ซื้อกิจการ บริษัท สมิธฟิลด์ ฟูดส์ ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของบริษัทเนื้อในสหรัฐฯ

สำหรับข้อตกลงนี้นับเป็นการเข้าซื้อบริษัทอเมริกันครั้งใหญ่ที่สุดของจีน โดยเงื่อนไขฉวงฮุยจะจ่ายเงินเป็นเงินสด รวมถึงเข้าดูแลหนี้สินของสมิธฟิลด์ โดย ข้อตกลงนี้ประเมินว่า สมิธฟิลด์มีมูลค่า 7,100 ล้านดอลลาร์ และทำให้ข้อตกลงดังกล่าวถือว่าเป็นการเทกโอเวอร์กิจการ ของบริษัทอเมริกันครั้งใหญ่ที่สุดจากบริษัทคู่แข่งจากจีน และเป็นการเน้นย้ำการเติบโตอย่างฉุดไม่อยู่ของบริษัทของจีน ที่หวังเข้ายึดครองแหล่งอาหารของโลก

โดยทั้งสองบริษัท ระบุว่าเป้าหมาย ของฉวงฮุยคือการเข้าถึงการจัดหาเนื้อหมูในสหรัฐฯ สำหรับป้อนตลาดจีนที่มีขนาดใหญ่ แต่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงคณะบริหารของสมิธฟิลด์

นายหยาง ซือจุน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉวงฮุย กล่าวว่า ผู้บริโภค จีนนิยมเนื้อหมูสหรัฐฯ ขณะที่เกษตรกรอเมริกันก็ต้องการส่งออกเนื้อหมู ดังนั้นหากร่วมมือกันทั้งสองบริษัทก็สามารถขึ้นเป็นผู้นำโลกด้านโปรตีนจากสัตว์ได้ และไม่มีการรวมตัวครั้งไหนจะสร้างโอกาสที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อีกแล้ว

ด้านนายแลร์รี โป๊ป ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สมิธฟิลด์ กล่าวว่า ข้อตกลงนี้เปิดทางให้บริษัทได้เข้าถึงตลาดใหม่ๆ เพราะฉวงฮุยมีเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งในจีนและเอเชีย ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีโอกาส และช่องทางในการเติบโตอย่างมากสำหรับสมิธฟิลด์

ปัจจุบันสมิธฟิลด์ ก่อตั้งเมื่อปี 2479 ที่รัฐเวอร์จิเนีย เป็นยักษ์ใหญ่ด้านเนื้อสัตว์แปรรูปของสหรัฐฯ มีสินค้ายี่ห้ออย่างสมิธ-ฟิลด์, อาร์มูร์ วัลต์นีย์ และเฮลตีวัน ส่วนในยุโรปนั้นมีสินค้ายี่ห้อออสเต คัมโพฟริโอ และจัสตินบริดู มียอดขายทั้งหมด 13,100 ล้านดอลลาร์ ในปีงบประมาณ 2555 โดยการผลิตเนื้อหมูมีสัดส่วน 3,050 ล้านดอลลาร์

ส่วนฉวงฮุย ซึ่งตั้งอยู่ในฮ่องกง เป็น ผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท เหอหนาน ฉวงฮุย อินเวสต์เมนต์แอนด์ ดีเวลอปเมนต์ ซึ่งเป็น ผู้แปรรูปเนื้อสัตว์รายใหญ่ที่สุดของจีน

ขณะเดียวกัน ข้อตกลงนี้น่าจะช่วยสนองความต้องการเนื้อหมูของจีน และทำ ให้สหรัฐฯ ส่งออกสินค้าเพิ่มได้ นายทอม เกรฟ นักวิเคราะห์แห่งเอสแอนด์พีแคปิ-ตอลไอคิว กล่าวว่าข้อตกลงนี้อาจสร้างแรงกดดันขาขึ้นแก่ราคาหมูในสหรัฐฯ เพราะต้องส่งออกมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงนี้อาจผ่านการ ตรวจสอบอย่างหนักจากคณะกรรมการการลงทุนต่างชาติของสหรัฐฯ ซึ่งมีหน้าที่ประเมินความเสี่ยงความมั่นคงของประเทศ โดยคณะกรรมการอย่างน้อย 1 คนกล่าวว่า ข้อตกลงนี้ก่อให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับความ ปลอดภัยด้านอาหาร พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าฉวงฮุยเคยต้องเรียกคืนเนื้อหมูปนเปื้อนมาแล้ว เนื่องจากในช่วงหลัง เกิดกรณีการปนเปื้อนของสารพิษหรือสิ่งแปลกปลอมในอาหารในจีนหลายครั้ง ซึ่งรวมถึงการนำเนื้อ ที่ปนเปื้อนสารพิษออกวางจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ต

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยตลาด เปิดเผยว่า การได้ตราสินค้าของอเมริกันไปติดบนฉลาก จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค ปริมาณการนำเข้าเนื้อหมูของจีนเติบโตขึ้นกว่า 500% ในช่วงระหว่าง ปี 2010-2011 แม้เศรษฐกิจจีนจะอยู่ในช่วง ทรงตัว เนื่องจากผู้บริโภคยินดีที่จะจ่ายเงิน ซื้อของที่แพงกว่า เพื่อแลกกับอาหารที่ปลอดภัย