“แอมเวย์” ประกาศทรานฟอร์มฯ ครั้งใหญ่ ฉีกกฏขายตรง ทำตลาดผ่านมาร์เก็ตเพลซ

วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2562

“แอมเวย์” ประกาศทรานฟอร์มฯ ครั้งใหญ่ ฉีกกฏขายตรง ทำตลาดผ่านมาร์เก็ตเพลซ


แอมเวย์” (ประเทศไทย)  ชี้ ภาพรวมทิศทางของธุรกิจขายตรงชะลอตัว ขายตรงปลอมล้มหายตายจาก เหลือของจริงยังอยู่ได้  ส่ง โปรแกรม คอร์พลัส กลยุทธ์การปรับโครงสร้างรายได้นักธุรกิจแอมเวย์กระตุ้นไตรมาสสุดท้าย มั่นใจยอดปีนี้ทะลุเป้าที่ 20,000 ล้านบาท ประกาศปีหน้าแอมเวย์เดินหน้าทรานฟอร์มฯครั้งใหญ่ สร้างแอปพลิเคชั่นมาร์เก็ตเพลซ ปลดล็อคกฏกติกาขายตรงผ่านออนไลน์ได้ ภายใต้คอนเซ็ป ขายตรงโครตโบราณสู่ขายตรงโลกอนาคต แบบโซเชียลเซลลิ่ง ตั้งเป้า 5 ปี ทุบสถิติยอดขายสูงสุดแตะ 3 หมื่นล้านบาท

นายกิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มทิศทางของธุรกิจขายตรงมูลค่าตลาดรวมราว ๆ 7 หมื่นล้านบาท ที่หลายปีที่ผ่านมาตลาดค่อนข้างอยู่ในภาวะช่วงชะลอตัวไม่ค่อยเติบโตมากนัก จากปัจจัยเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า ที่กระทบต่อภาคธุรกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม ในหลาย ๆ ปัจจัย  โดยในปีหน้านั้นมองว่าธุรกิจขายตรงก็ยังอยู่สภาวะทรงตัว  สำหรับธุรกิจขายตรงบริษัทไดถ้าไม่มีการปรับตัวก็จะค่อนข้างอยู่ได้ยาก สำหรับธุรกิจขายตรงแบรนด์เกิดใหม่ถ้าองค์กรไม่แข็งแรง ทำธุรกิจไม่ใช่ขายตรงแท้จริงก็จะล้มหายตายจากไปเหมือนที่ผ่านมา ดังนั้นก็จะเหลือองค์กรธุรกิจขายตรงที่เป็นของจริงเท่านั้นที่จะสามารถคงอยู่ได้ในตลาดดังกล่าว 

สำหรับ ทางแอมเวย์ เองถือเป็นบริษัทขายตรงเบอร์ 1 ของเมืองไทยที่ดำเนินธุรกิจมากว่า 32 ปี โดยที่ผ่านมาเราก็ได้ทำปรับตัวและการวางยุทธศาสตร์เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา แอมเวย์ได้ปรับโครงสร้างรายได้ของนักธุรกิจแอมเวย์ทุกระดับด้วยโปรแกรม “คอร์พลัส” (CORE PLUS+) เพื่อเพิ่มรายได้ช่วงเริ่มต้นทำให้ได้ผลตอบแทนทันทีตั้งแต่การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชิ้นแรก รวมถึงเพิ่มรายได้ที่ต่อเนื่องและสม่ำเสมอในทุกช่วงลำดับการเติบโตในธุรกิจ โดยโปรแกรมนี้จะทำให้นักธุรกิจแอมเวย์ที่ทำธุรกิจอย่างต่อเนื่องและจริงจังมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20 - 30% และสัญญาณบวกหลังจากที่เริ่มใช้โปรแกรมคอร์พลัสเพียง 2 เดือน (เดือนกันยายนถึงตุลาคม) มียอดการสมัครเป็นนักธุรกิจแอมเวย์และสมาชิกใหม่เติบโตเฉลี่ย 30% แสดงให้เห็นถึงผลสำเร็จของโปรแกรมดังกล่าว

แอมเวย์คาดการณ์ว่ายอดขายปีนี้จะยังคงเติบโตทะลุเป้าที่ 20,000 ล้านบาท จากกลยุทธ์การเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่หรือกลุ่ม Young@heart ทั้งในด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และการมอบโอกาสทางธุรกิจ พิสูจน์ความสำเร็จด้วยการเป็นผู้นำตลาดสุขภาพและความงามอย่างต่อเนื่อง โดยสัดส่วนยอดขายสูงสุดมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์ และอาร์ทิสทรียังคงเป็นแบรนด์เครื่องสำอางพรีเมียมอันดับ 1 ของประเทศไทย* ตามมาด้วยผลิตภัณฑ์กลุ่มบ้านและเทคโนโลยี ที่ปีนี้ได้รับผลตอบรับจากผู้บริโภคอย่างถล่มทลายเหนือความคาดหมาย จากปัจจุบัน แอมเวย์ มีนักธุรกิจตัวแทนจำหน่ายประมาณ 330,000 ราย ในจำนวนนี้เป็นคนรุ่นใหม่ถึง 2 ใน 3 นอกจากนี้ยังมีสมาชิกผู้ใช้สินค้าอีกมากกว่า 720,000 ราย

บิ๊กบอส หนุ่มอารมณ์ดี กล่าวต่อว่า หลังจากที่แอมเวย์ได้ประกาศแนวทางในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาเครื่องมือดิจิทัลเพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด เพื่อต้องรองรับพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในยุคดิจิตอล ควบคู่ไปกับสร้างการเติบโตของนักธุรกิจแอมเวย์อย่างยั่งยืน  และได้ตั้งเป้าในระยาวอีก 5 ปีนับจากนี้ (ในปี 2025) จะมียอดขายทะลุ 3 หมื่นล้านบาท ดังนั้นปีหน้าแอมเวย์ประเทศไทยจึงเตรียมทรานฟอร์มเมชั่นครั้งใหญ่ ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ได้วางไว้ในการปรับตัวดำเนินธุรกิจสู่ระบบดิจิตอลอย่างจริงจัง ในคอนเซปต์ “ขายตรงโครตโบราณสู่ขายตรงโลกอนาคต” หรือรูปแบบโซเชี่ยลเซลลิ่ง แต่ยังคงระบบโครงสร้างขายตรงไว้เหมือนเดิม แบบค่อย ๆเป็นค่อยๆ ไป โดยวางแผนไว้ว่าทุกอย่างจะครบสมบูรณ์ภายในอีก 3-5 ปีข้างหน้า 

เราต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าธุรกิจขายตรงแบบดั้งเดิมเป็นการขายแบบเทรดดิชันนั่ลเทรดมาก ๆ คือ นักธุรกิจต้องไปหาลูกค้าขายสินค้า รับยอดสั่งซื้อจากลูกค้าและนำสินค้าไปส่งให้ตัวต่อตัว ซึ่งด้วยระบบโครงสร้างขายตรงแบบดังกล่าวในสมัยก่อน เรามีกฏกติกาไม่อนุญาติให้นักธุรกิจของเราทำการโฆษณาขายสินค้าบนออนไลน์ หรือหาลูกค้าบนออนไลน์ได้ นี่คือความลิมิเต็ดของระบบธุรกิจขายตรง เพราะฉะนั้นในปัจจุบันนี้เองที่โลกได้แปรเปลี่ยนไป เราจะทำการเปลี่ยนแปลงธุรกิจขายตรงครั้งใหญ่ ด้วยการปลดล็อคกฏกติกาดังกล่าว ให้นักธุรกิจขายตรงของเราสามารถใช่สื่อโซเชียลเพลตฟอร์ม ในการทำธุรกิจได้ในอนาคต แต่ยังคงโครงสร้างขายตรงไว้เหมือนเดิม โดยแอมเวย์เราจะทำการสร้างแอปพลิเคชั่นมาร์เก็ตเพลซของตัวเองขึ้นมาให้ระบบเข้ากับธุรกิจของเราเองแต่เราไม่รับสินค้าของที่อื่นมาขายเหมือนแอปมาร์เก็ตเพลซอื่น ๆ โดยจะมีจุดเด่น คือ มีขั้นตอน สั่งสินค้าได้ง่าย และส่งสินค้าเร็ว แต่ยอดวอลุมก็ยังกลับไปหาสมาชิกเช่นเดิม ซึ่งแอปนี้จะเป็นเครื่องมือออนไลน์ช่วยเติมเต็มการทำธุรกิจขายตรงให้กับนักธุรกิจเราได้สะดวกสบายมากขึ้น โดยคาดว่าจะเห็นได้เต็มรูปแบบในอีก 3-5 ปีข้างหน้า โดยมั่นใจจะส่งผลให้ แอมเวย์ ยังคงครองตำแหน่งผู้นำในตลาดขายตรงได้อย่างมั่นคง และเป้าหมายอีก 5 ปีข้างหน้า จะมียอดขายทะลุ 3 หมื่นล้านบาท

นางรัตนา ชาญนรา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าทิ้งท้ายว่า หัวใจสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่ แอมเวย์ ทำมาอย่าางต่อเนื่องก็คือ การเดินหน้าพัฒนาสินค้าด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยการนำเสนอโซลูชั่นผลิตภัณฑ์เฉพาะบุคคลมากขึ้น โดยยึดหลัก consumer centric หรือการยึดความต้องการของผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและกลุ่มความงาม เพื่อสร้างการแตกต่างจากคู่แข่ง พร้อมปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่มากขึ้น ล่าสุด ได้ลอนช์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ “นิวทริไลท์ ดับเบิ้ล เอ็กซ์ ไฟโตเบลนด์” โดยพัฒนาสูตรจากเดิมที่ติดอันดับผลิตภัณฑ์ขายดีของแอมเวย์ พร้อมเปิดตัวแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ ป๊อก-ภัสสรกรณ์ และมาร์กี้-ราศรี เพื่อสื่อสารแบรนด์ไปถึงผู้บริโภคอย่างครอบคลุมตามมาด้วยผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเครื่องกรองอากาศ “แอทโมสเฟียร์ สกาย” รวมถึงด้านผลิตภัณฑ์ความงามที่ แอมเวย์ ได้ต่อยอดเทรนด์เพอร์เซอนัลไลซ์ ได้แก่ อาร์ทิสทรี ซิกเนเจอร์ ซีเล็กต์ มาสค์ เป็นต้น



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ