ค่ายเซเว่นอีเลฟเว่น ยักษ์ใหญ่หมายเลข 1 ของโลก ในยุทธจักรร้านค้าปลีกประเภทสะดวกซื้อ สวมบท "เสือปืนไว" วางแผนขยายสาขาทั่วทั้งทวีปอเมริกาเหนือ เตรียมพร้อมเพื่อการกอบโกยทรัพย์สินเงินทองกองมหึมาที่จะงอกเงยขึ้นตามการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจในอนาคตอันใกล้นี้

"โตชิฟูมิ ซูซูกิ" ประธานกรรมการ บริษัท เซเว่นแอนด์ไอโฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของเครือข่ายร้านสะดวกซื้อ "เซเว่นอีเลฟเว่น" เปิดเผยว่าได้สั่งการให้สำรวจพื้นที่เพื่อรองรับการขยายสาขาในอเมริกาเหนือเพิ่มขึ้นให้ได้กว่า 2 เท่าตัว เนื่องจากมีความมั่นใจว่ากำลังซื้อของประชากรในอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา จะกระเตื้องตัวดีขึ้นมากภายหลังระบบเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น

ปริมาณเครือข่ายร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ที่เจริญงอกงามขึ้นในอเมริกาเหนือกว่า 2 เท่าตัว ตามเป้าหมายของบิ๊กบอสโตชิฟูมิ ซูซูกิ จะส่งผลให้จำนวนสาขา เซเว่นอีเลฟเว่นทั่วอเมริกาเหนือขยับตัวสูงขึ้นจากปัจจุบันที่มีอยู่เกือบ 9,000 แห่ง เป็นประมาณ 20,000-30,000 แห่ง

ในรอบปีที่ผ่านมา "เซเว่นแอนด์ไอโฮลดิ้ง" ได้ทยอยไล่ซื้อร้านสะดวกซื้อขนาดจิ๋วในอเมริกาเหนือมาไว้ในสังกัดแล้ว 662 แห่ง และภายใน 18 เดือนนี้ ก็มีเป้าหมายจะขยายสาขาที่นั่นเพิ่มเติมขึ้นมาอีก 10,000 แห่ง

ทุกวันนี้เครือข่ายร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในอเมริกา เหนือ ดูจะกระจุกตัวอยู่ในสหรัฐอเมริกามากที่สุดถึง 8,116 แห่ง และมีผลประกอบการที่ดีเยี่ยมในรอบปีที่ผ่านมา โดยสามารถทำรายได้สูงถึง 17,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 44 และทำกำไรได้ถึง 540 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 13

ความงดงามของผลประกอบการเครือข่ายร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในสหรัฐอเมริกา ทำให้เซเว่นอีเลฟเว่นครองส่วนแบ่งการตลาดประเภทธุรกิจร้านสะดวกซื้อมากเป็นอันดับ 1 ด้วยสัดส่วนที่สูงลิบลิ่วถึงร้อยละ 24 ตามรายงานของ "ยูโรมอนิเตอร์อินเตอร์เนชั่นแนล"

ในรายงานฉบับเดียว ยังระบุด้วยว่าส่วนแบ่งการตลาดของร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ทิ้งห่างอันดับ 2 คือ "เซอร์เคิลเค" ของบริษัทอลิเมนเตชั่นคูเช่ ทาร์ตอิงค์ แห่งแคนาดา ชนิดไม่เห็นเศษขี้ฝุ่น เนื่องจาก เซอร์เคิล-เค มีส่วนแบ่งตลาดแค่ร้อยละ 1.6 และยิ่งห่างออกไปอีกหลายสิบตลบเมื่อเทียบเคียงกับอันดับ 3 คือ "เดอะแพนทรีอิงค์" แห่งสหรัฐอเมริกา ที่มีส่วนแบ่งตลาดเพียงร้อยละ 0.1 เท่านั้นเอง

บิ๊กบอสแห่งบริษัท เซเว่นแอนด์ไอโฮลดิ้ง จำกัด ไม่เพียงสั่งเตรียมพร้อมลุยขยายสาขาในอเมริกาเหนือเท่านั้น แต่ในดินแดนอาเซียนก็ถูกสั่งเตรียมการในลักษณะเดียวกัน โดยกำหนดให้ต้องขยายสาขาใหม่เพิ่มเติมจากเดิมให้ได้ 1,500 สาขา ภายในเดือนมีนาคม 2557

กรณีการขยายสาขาของเซเว่นอีเลฟเว่นในญี่ปุ่นอันเป็นฐานบัญชาการใหญ่ แม้จะยังไม่ได้มีการกำหนดตัวเลขเป้าหมายแน่ชัด แต่เชื่อว่าต้องมีการขยายสาขาใหม่เพิ่มเติมขึ้นจากจำนวน 15,218 สาขา ที่มีอยู่แล้วในตอนนี้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ เพื่อขยายสัดส่วนร้านค้าสะดวกซื้อในญี่ปุ่นให้มากขึ้นจากประมาณร้อยละ 30 ของ จำนวนทั้งหมดประมาณ 50,000 แห่ง

ข้างฝ่ายคู่แข่งขันรายสำคัญในตลาดร้านค้าสะดวกซื้ออย่างค่ายแฟมิลี่มาร์ท ก็มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ด้วยการวางแผนรุกเข้าไปในตลาดจีนชนิดเต็มสูบ

ค่ายแฟมิลี่มาร์ท หมายมั่นปั้นมือที่จะเพิ่มจำนวนสาขาในเมืองจีนให้ขึ้นไปถึงระดับ 8,000 แห่ง ภายในปี 2563 หรือในอีก 7 ปีนับจากนี้

ค่ายแฟมิลี่มาร์ท ยังตั้งเป้าหมายจะขยายเครือข่ายสาขาโดยรวมทั่วโลกให้ได้ถึง 40,000 แห่ง ภายในห้วงเวลาเดียวกันด้วย

อย่างไรก็ตาม ความตั้งใจของค่ายแฟมิลี่มาร์ท ในการเพิ่มจำนวนสาขาให้ได้ถึง 40,000 แห่ง ทั่วโลกภายใน 7 ปี ดูจะไล่หลังค่ายเซเว่นอีเลฟเว่นอยู่ห่างหลายช่วงตัว

ถึงตอนนั้นเครือข่ายเซเว่นอีเลฟเว่นทั่วทั้งโลกอาจพุ่งทะยานจาก 50,254 แห่ง ขึ้นไปแตะระดับ 100,000 แห่ง แล้วก็ได้