นายกฯ ญี่ปุ่นปั๊มเศรษฐกิจเปิดแผนกระตุ้นลงทุนครั้งใหญ่

วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

นายกฯ ญี่ปุ่นปั๊มเศรษฐกิจเปิดแผนกระตุ้นลงทุนครั้งใหญ่


นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิด กลยุทธ์ผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งบูมการค้าออนไลน์ ตั้งเศรษฐกิจพิเศษ ตั้งเป้ากระตุ้นการลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้าน ล้านเยน ภายในเวลา 10 ปี เพิ่ม รายได้ต่อหัวของประชาชนในประเทศขึ้นอีก 1.5 ล้านเยนในระยะเวลา 10 ปี นักธุรกิจขานรับ เชื่อกระตุ้นภาคเอกชนลงทุน

นายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรี ญี่ปุ่น ประกาศนโยบายผลักดันการเติบโต ทางเศรษฐกิจ ด้วยมาตรการที่เป็นมิตรต่อธุรกิจ และผลักดันให้มีการโยกทรัพยากรเข้าสู่ภาคส่วนเศรษฐกิจที่มีศักยภาพ การเติบโตสูง เช่น โครงสร้างพื้นฐาน บริการทางการแพทย์ และพลังงาน โดยให้คำมั่นสัญญาว่ารัฐบาลจะอนุญาตให้มีการขยายธุรกิจทางอินเตอร์เน็ต รวมทั้งจำหน่ายยาทางออนไลน์โดยไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ในญี่ปุ่น และกำหนดเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยจะส่งเสริมให้มีการลดระเบียบขั้นตอนทางราชการ พร้อมดึงภาคเอกชนมีส่วนผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้น

ปัจจุบัน ข้อมูลของรัฐบาลระบุว่า ปัจจุบันรายได้ต่อหัวของประชากร (GNI) อยู่ที่ระดับ 3.84 ล้านเยนต่อคนในปีงบ ประมาณ 2555 ซึ่งสิ้นสุดในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่นายอาเบะกล่าวว่า มาตรการกระตุ้นครั้งนี้จะช่วยหนุนตัวเลข GNI เพิ่มขึ้นอีก 3% ต่อปี หรือเพิ่มขึ้นกว่า 1.5 ล้านเยนในระยะเวลา 10 ปี จากข้อมูลล่าสุด ในปี 2011 จีเอ็นไอต่อหัวของญี่ปุ่นอยู่ที่ 45,180 ดอลลาร์ เป็นอันดับที่ 17 ของโลก

สำหรับการเพิ่มรายได้ของประชาชน มีความสำคัญอย่างมากต่อความสำเร็จของเป้าหมายของอาเบะในการยุติภาวะ เงินฝืดและเศรษฐกิจซบเซานานนับสิบปีของญี่ปุ่น ที่ทำให้จีนได้โอกาสแซงหน้า ญี่ปุ่นขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลกในขณะนี้ โดยนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งใน เดือนธันวาคมปีที่แล้ว อาเบะประกาศใช้ มาตรการต่างๆ เพื่อฟื้นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่อันดับ 3 ของโลก ตามแผนการ "อาเบะโนมิกส์" เปรียบเป็นลูกศร 3 ดอก ได้แก่ สองดอกแรกคือ มาตรการใช้จ่าย จำนวนมหาศาลของรัฐบาล และการผ่อน คลายนโยบายทางการเงินแบบสุดขั้วจากธนาคารกลาง ซึ่งเริ่มแสดงผลแล้ว ด้วยการส่งให้ค่าเงินเยนอ่อนตัวลง และ ตลาดหุ้นพุ่งกระฉูด และดอกที่สามคือ ยุทธศาสตร์การเติบโตและการปฏิรูป ต่างๆ ในเชิงโครงสร้างกระตุ้นให้เกิดความคึกคักของภาคเอกชน

สำหรับการขยายธุรกิจผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ตจะช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้มีความสะดวกมากขึ้น พร้อมกับย้ำว่ารัฐบาลจะยกเลิกคำสั่งห้ามขายยาที่ไม่มีใบสั่งแพทย์ทางออนไลน์ ภายใต้กฎระเบียบที่เหมาะสม ขณะเดียวกันก็จะสร้างความ เชื่อมั่นในความปลอดภัยของผู้บริโภค

ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็พร้อมที่จะจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษภายในประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการส่งเสริมการลงทุน อีกทั้งดึงดูดภาคธุรกิจและทรัพยากรบุคคลจากต่างประเทศเข้าสู่ญี่ปุ่น โดยทำให้โตเกียวและเมืองใหญ่อื่นๆ กลายเป็นเมืองที่อำนวยความสะดวกง่ายดายขึ้นสำหรับพวกบริษัทระหว่างประเทศ โดยเฉพาะต้องการให้โตเกียวเป็นศูนย์กลางธุรกิจของโลก เคียง บ่าเคียงไหล่กับนิวยอร์กและลอนดอน ขณะ เดียวกัน เขตเศรษฐกิจพิเศษยังหมายถึงการทบทวนกฎระเบียบลดขั้นตอนทางราช การเพื่อกระตุ้นการลงทุน เพื่อให้พวกโรงเรียนนานาชาติและแพทย์ต่างชาติดำเนินกิจการและปฏิบัติงานได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้รัฐบาลยังเตรียมอนุญาตการ ขายยาที่ไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ทางอินเตอร์เน็ตตามแผนใช้ช่องทางการสื่อสาร นี้กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมการปฏิรูป อุตสาหกรรมผลิตกระแสไฟฟ้าภายในประเทศ นายอาเบะกล่าวว่าคณะบริหาร ของเข้าจะช่วยกระตุ้นการลงทุนที่เกี่ยว ข้องกับการผลิตไฟฟ้าในช่วง 10 ปีข้างหน้าให้เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 30 ล้านล้านเยน ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วง 10 ปีที่แล้ว

อาเบะ ยังมีเป้าหมายเพิ่มการลงทุนของต่างชาติในญี่ปุ่นเป็น 35 ล้านล้าน เยนภายในปี 2020 นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้เขายังประกาศแผนเพิ่มมูลค่าการ ส่งออกโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟหัวกระสุนและโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิว เคลียร์ 3 เท่าตัวเป็น 30 ล้านล้านเยนภายในปี 2020 เช่นกัน

ผู้นำญี่ปุ่นยังต้องการเพิ่มการลงทุนของภาคเอกชนเป็นกว่า 70 ล้านเยน เท่า กับช่วงก่อนที่เลห์แมน บราเธอร์สจะล่มและฉุดระบบการเงินโลกถล่มตามไปด้วยในปี 2008

ด้าน ฮิโรมาสะ โยเนคุระ ประธานสหพันธ์ ธุรกิจญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสมาคมด้านธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ขานรับยุทธศาสตร์การเติบโตทางเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยมองว่า ยุทธศาสตร์ ดังกล่าวจะช่วยให้ญี่ปุ่นสามารถดำเนินงานได้อย่างคล่องตัวช่วยกระตุ้นการดำเนินงานของบริษัทต่างๆ


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ