ไม่ว่าฝนจะตก ฟ้าจะคะนอง หรือเศรษฐกิจโลก จะล้มคว่ำคะมำหงายหายนะสาหัสสากรรจ์แค่ไหน ดูจะไม่สะทกสะท้านต่อฐานะความมั่งคั่งของเศรษฐี มหาเศรษฐีทั้งหลายเอาซะเลย

รายงานการจัดอันดับมหาเศรษฐีพันล้านดอลลาร์สหรัฐของนิตยสารฟอร์บส์ประจำปี 2556 ซึ่งจัดต่อเนื่องกันมาเป็นปีที่ 27 ระบุชัดเจนว่าบัญชีรายชื่อมหาเศรษฐีทั่วทั้งโลก ที่มีความร่ำรวยระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป สำหรับปีนี้มีจำนวนรวมกันทั้งสิ้น 1,426 คน และมีมูลค่าความมั่งคั่งรวมกันมากมายมหาศาลถึง 5.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นประมาณ 14 เท่าของมูลค่าระบบเศรษฐกิจไทย มูลค่าความร่ำรวยของบรรดามหาเศรษฐีจำนวน 1,426 รายที่ว่า เมื่อเทียบกับปี 2555 แล้วขยับตัวสูงขึ้นถึงร้อยละ 17.4 โดยขยับจาก 4.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ มาแตะระดับ 5.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

มหาเศรษฐีที่ได้รับยกย่องให้มีความมั่งคั่งมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก คือ "คาร์ลอส สลิม" ผู้เฒ่าเจ้าพ่อธุรกิจโทรคมนาคมชาวเม็กซิกัน วัย 73 ปี ซึ่งมีทรัพย์สินในความครอบครองเป็นมูลค่า 73,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

อันดับ 2 คือ "บิล เกตส์" ชาวอเมริกันวัย 57 ปี ผู้ก่อตั้งอาณาจักรธุรกิจซอฟต์แวร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่รู้จักกันดีในชื่อไมโครซอฟท์ ซึ่งมีทรัพย์สินในความครอบครองเป็นมูลค่า 67,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

อันดับ 3 คือ "อามันซิโอ ออเตก้า" คุณปู่ชาวสเปนวัย 77 ปี ผู้เป็นเจ้าของเครือข่ายแฟชั่นระดับโลกชื่อ "ซาร่า" ซึ่งมีทรัพย์สินในความครอบครองเป็นมูลค่า 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

อันดับ 4 คือ "วอร์เรน บัฟเฟตต์" คุณปู่นักลงทุนชาวอเมริกันวัย 82 ปี เจ้านายใหญ่แห่งค่ายเบิร์กเชียร์ แฮท ธาเวย์ ซึ่งมีทรัพย์สินในความครอบครองเป็นมูลค่า 53,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

กรณีอันดับความรวยของคุณปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ ในรอบปีนี้ ต้องถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปีที่หลุดจากกลุ่มมหาเศรษฐีระดับ "ท็อปทรี" ของโลก โดยถูกคุณปู่ ออเตก้า เจ้าพ่อแฟชั่นซาร่ามาเบียดแย่งไป

อันดับ 5 คือ "ลาร์รี่ เอลลิสัน" ซีอีโอชาวอเมริกัน วัย 68 ปี แห่งค่ายออราเคิล ซึ่งมีทรัพย์สินในความครอบครองเป็นมูลค่า 43,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในจำนวน 1,426 อันดับมหาเศรษฐีพันล้านดอลลาร์สหรัฐของทั้งโลกประจำปีนี้ มีรายชื่อมหาเศรษฐีชาวไทยติดโผอยู่ด้วยถึง 9 คน

คนแรก คือนายธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าสัวใหญ่ผู้กุมบังเหียนสูงสุดของเครือเจริญโภคภัณฑ์-ทรู คอร์ปอเรชั่น-ซีพี ออลล์ ซึ่งติดอันดับทำเนียบมหาเศรษฐีโลกในลำดับที่ 58 มีทรัพย์สินในความครอบครองเป็นมูลค่า 14,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

คนที่ 2 คือนายเจริญ สิริวัฒนภักดี หรือสกุลเดิมก่อนหน้านี้ "ศรีสมบูรณานนท์" เจ้าสัวใหญ่ค่ายไทยเบฟและทีซีซี ซึ่งติดอันดับทำเนียบมหาเศรษฐีโลกในลำดับที่ 82 มีทรัพย์สินในความครอบครองเป็นมูลค่า 11,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

คนที่ 3 คือนายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ เจ้าพ่อแห่งอาณาจักรพฤกษาเรียลเอสเตท ซึ่งติดอันดับทำเนียบมหาเศรษฐีโลกในลำดับที่ 736 มีทรัพย์สินในความครอบครองเป็นมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

คนที่ 4 คือนายกฤษณ์ รัตนรักษ์ เจ้าพ่อช่อง 7 สี และหุ้นส่วนรายใหญ่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา บริษัทปูนซีเมนต์ นครหลวง ซึ่งติดอันดับทำเนียบมหาเศรษฐีโลกลำดับที่ 785 มีทรัพย์สินในความครอบครองมูลค่า 1,950 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

คนที่ 5 คือนายประเสริฐ ปราสาททองโอสถ บอสใหญ่แห่งโรงพยาบาลกรุงเทพ และสายการบินบางกอกแอร์เวย์ ซึ่งติดอันดับมหาเศรษฐีโลกลำดับที่ 825 มีทรัพย์สินในความครอบครองมูลค่า 1,850 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

คนที่ 6 คือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศไทย ที่ยังคงใช้ชีวิตระหกระเหินอยู่นอกประเทศไทยในฐานะผู้ต้องโทษจำคุก 2 ปี ซึ่งติดอันดับมหาเศรษฐีโลกลำดับที่ 882 มีทรัพย์สินในความครอบครองมูลค่า 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

คนที่ 7 คือนายวานิช ไชยวรรณ เจ้าพ่อไทยประกันชีวิต และธุรกิจโรงแรม โรงเบียร์ ซึ่งติดอันดับมหาเศรษฐีโลกลำดับที่ 1,031 มีทรัพย์สินในความครอบครองมูลค่า 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

คนที่ 8 คือนายคีรี กาญจนพาสน์ เสี่ยใหญ่เจ้าของรถไฟฟ้าบีทีเอส และบริษัทธนายง ซึ่งติดอันดับมหาเศรษฐีโลกลำดับที่ 1,107 มีทรัพย์สินในความครอบครองมูลค่า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

คนที่ 9 คือนายวิชัย ทองแตง ทนายความที่มีบทบาทสำคัญในการแก้ต่างคดีซุกหุ้นให้พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และหันมาเอาดีในการลงทุนเข้าซื้อกิจการโรงพยาบาล ตลอดจนธุรกิจสื่อสาร ซึ่งติดอันดับมหาเศรษฐีโลกลำดับที่ 1,268 มีทรัพย์สินในความครอบครองมูลค่า 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เศรษฐี ยังไงก็ยังคงเป็นเศรษฐีอยู่วันยันค่ำ...ไม่ว่าจะมีสถานะเป็นประชาชนสามัญหรือนักโทษสามัญ