“เดอะ โกลด์เด้น ดั๊ก” สิงคโปร์ บุกตลาดสแน็คฟู้ดไทย มั่นใจโตแรง

วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2562

“เดอะ โกลด์เด้น ดั๊ก” สิงคโปร์  บุกตลาดสแน็คฟู้ดไทย มั่นใจโตแรง


นายคริสโตเฟอร์ หวัง ผู้ก่อตั้ง และผู้บริหาร เดอะ โกลด์เด้น ดั๊ก (The Golden Duck) แบรนด์ขนมสัญชาติสิงคโปร์ กล่าวว่า  ย้อนกลับไปเมื่อปี 2558 เดอะ โกลด์เด้น ดั๊ก เปิดตัวแบรนด์ที่ประเทศสิงคโปร์ พร้อมกับเสียงตอบรับที่ดีกับขนมรสชาติแรก มันฝรั่งทอดกรอบรสไข่เค็ม ปัจจุบันได้ขึ้นเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งครองใจผู้บริโภคสิงคโปร์ เช่นเดียวกับเลย์ และพริงเกิ้ล ด้วยยอดขายดีอันดับหนึ่งของขนมขบเคี้ยวใน 7-Eleven ช่วงตรุษจีนในฮ่องกงช่วงปี 2561-62 ฮ่องกง จึงได้ต่อยอดธุรกิจ ขยายสาขาสู่ประเทศฟิลิปปินส์ จีน มาเลเซีย ไต้หวัน และล่าสุด ประเทศไทย

ด้าน นายโจนาธาน เชน ผู้ก่อตั้ง ผู้บริหารฝ่ายพัฒนาธุรกิจต่างประเทศและผู้บริหารผลิตภัณฑ์ กล่าวต่อว่า  สำหรับตลาดในประเทศไทย เราเล็งเห็นเม็ดเงินหมุนเวียนในกลุ่มธุรกิจสแน็คฟู้ด ซึ่งมีมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาท (137 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยในปี 2562 คาดการว่าตลาดจะเติบโตขึ้นทั้งปีที่ 1.2% (CAGR 2019-2023)1 อีกทั้ง เรามองว่าเห็นว่าตลาดไทยเป็นตลาดที่ใหญ่โดยเฉพาะธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับตอนนี้มีอัตราค่าเงินบาทที่แข็งตัวอย่างต่อเนื่อง  พร้อมกับผู้บริโภคชาวไทยต้องการสัมผัสกับขนมขบเคี้ยวมีความหลากหลายแปลกใหม่ เราจึงเล็งเห็นว่าตลาดในไทยยังมีโอกาสทางตลาดอีกมาก ด้วยเหตุนี้เราจึงส่งขนมแบรนด์ เดอะ โกลด์เด้น ดั๊ก (The Golden Duck) 4 รสชาติ ได้แก่ ‘หนังปลากรอบคลุกไข่เค็ม มันฝรั่งทอดกรอบคลุกไข่เค็ม สาหร่ายเทมปุระทอดกรอบรสปูไข่เค็ม’ และรสชาติไฮไลท์ ’สาหร่ายเทมปุระทอดกรอบคลุกปูผัดพริก’ เข้ามาทำตลาดในเมืองไทย

สำหรับประเทศไทย เราเชื่อในการเติบโตในเอเชีย เพราะด้วยขนมที่ค่อนข้างพรีเมี่ยม แต่ถ้าเทียบกับอัตราก้าวหน้าในการขายในไทยกับสิงคโปร์ คิดว่าไทยมีแนวโน้มได้พอๆกับสิงคโปร์ เนื่องจากคนไทยรู้จักแบรนด์ The Golden Duck ก่อนมาเปิดตัวที่ไทย เพราะนักท่องเที่ยวไปสิงคโปร์ก็มาซื้อไป บางคนก็หิ้วมาขาย ถึงขนาดเมื่อปีที่แล้วมีการเปิดเพจโซเชียลเพื่อขายแบรนด์นี้เลย ดังนั้นในตลาดแถบเอเชียประเทศไทยนับเป็นประเทศที่เราอัดเม็ดเงินลงทุนมากที่สุด โดยเราได้เตรียมงบประมาณด้านการตลาดในการขับเคลื่อนการตลาดในไทยค่อนข้างมาก เพราะใช้เงินสำหรับ TV, Traditional media, Social media, Online platform, KOLs เราเชื่อใน Strong social media and digital โดยปกติจะใช้งบราว 9-12% ของเงินที่ลงทุนในการทำการตลาด

ส่วนแผนการจัดจำหน่ายสินค้าในไทยเราจะจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด อันได้แก่ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ / ท็อปส์ มาร์เก็ต / กูร์เมต์ มาร์เก็ต และ ริมปิง ซุปเปอร์มาร์เก็ต (จังหวัดเชียงใหม่) โดยเราให้ความสำคัญกับการลงสินค้าที่สาขาพรีเมี่ยมเป็นหลัก เนื่องจากผลิตภัณฑ์ทั้ง 4 รสชาติ เราตั้งราคาขายอยู่ที่ห่อละ 195 บาท ซึ่งการเลือกสาขาในการจัดจำหน่าย ทำให้เราสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ และ ขณะนี้เราได้กระจายสินค้าได้ครอบคลุมถึง 20 สาขา โดยแบ่งป็น 18 สาขาในกรุงเทพ และ 2 สาขาในจังหวัดเชียงใหม่  โดยอนาคตตั้งเป้าภายในปี 2563 จะขยายจุดจำหน่ายได้ราว 200 สาขาในไทย

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาใน 20 สาขาในไทยที่เราได้วางขาย สามารถขายได้ถึง 4,500 ห่อ หลังจากปล่อยการโปรโมทผ่าน YouTube ภายในสัปดาห์แรก โดยคาดการณ์ว่าใน 1 ปี จะสามารถขายได้ 2 ล้านเหรียญดอลลาร์สิงคโปร์ หรือเทียบเท่า 42 ล้านบาท เช่นเดียวกับการขายในปีแรกของสิงคโปร์ และปัจจุบันขายได้ 300,000 ห่อต่อเดือน แบ่งเป็น 150,000 ห่อขายในสิงคโปร์ และที่เหลือส่งออกต่างประเทศ  โดยขณะนี้เรามี1 โรงงานการผลิตใหญ่ในประเทศสิงคโปร์มีกำลังการผลิต1.3 ล้านห่อ ต่อเดือน  ซึ่งตอนนี้บริษัทมีรายได้จากทางสิงคโปร์ คือ 50% และอีก 50% จากการส่งออกต่างประเทศ

ทั้งนี้ ด้านการส่งออกตอนนี้ประเทศไต้หวันนับเป็นประเทศที่มาแรงที่สุด เช่นเดียวกับประเทศจีน และประเทศออสเตรเลีย และคาดว่าอนาคตจะคือที่ไทย และถ้านับถึงเดือนธันวาคมปีนี้ มีการส่งออกสินค้าเราอยู่ที่ 8 ประเทศ และช่องทาง E-commerce ในเว็ปไซต์ของเราส่งถึง 70 ประเทศ โดยถ้าเทียบขนาดตลาดของ 2 ช่องทางนี้ ตลาดการส่งออกใหญ่กว่าตลาดออนไลน์อย่าง E-commerce มาก โดยประเทศทาง E-commerce ที่ส่งออกมากที่สุด คือ อเมริกา ออสเตรเลีย แคนนาดา

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ