100 เดียวเที่ยวทั่วไทย ... ททท. สู้ศึก TRAVEL WAR

วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2562

100 เดียวเที่ยวทั่วไทย ... ททท. สู้ศึก TRAVEL WAR


ททท.ดัน 100 เดียวเที่ยวทั่วไทยชิงเค้กกระแสท่องเที่ยวต่างแดนมาแรงหลังเงินบาทแข็งค่า เปิดแคมเปญจอง 4 วัน พ่วงแคมเปญ วันธรรมดาราคาช็อกโลกขณะที่กลุ่มคนไทยเที่ยวนอกโตกระฉูด จุดหมายญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ ทำตลาดบริการใช้จ่ายเงินเดินทางแข่งเดือด แบงก์แห่ออกบัตรเครดิต เดบิต จับลูกค้าใน-นอก ทุบสถิติ เรทถูก โลกต้องจำ แลกเรทดี 24 ชั่วโมง ท่องเที่ยวโค้งสุดท้ายปลายปีถือเป็นไฮซีซั่นบูมทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ขณะเดียวกันเงินบาทแข็งค่าทำให้คนไทยสนใจท่องเที่ยวต่างประเทศกันมากขึ้น ทั้งประเทศในแถบอาเซียนและเอเชีย

*** ททท.ผุด 2 แคมเปญเด็ด

ภายหลังที่ประชุม ครม. (1 ต.ค.) ที่ผ่านมา อนุมัติงบกลาง 116 ล้านบาท ส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ ด้วยการผุดโครงการ “ถึงเวลาทัวร์ ให้ทั่วไทย” ช่วงเดือนที่เหลือในปลายปี เพื่อกระตุ้นใช้จ่ายในการเดินทางทั่วทุกพื้นที่และภาคธุรกิจให้มากที่สุด โดยโครงการ “ถึงเวลาทัวร์ ให้ทั่วไทย” แบ่งออกเป็น 2 มาตรการคือ 1. มาตรการ “100 เดียวเที่ยวทั่วไทย” ใช้งบทั้งสิ้น 63.5 ล้านบาท สามารถซื้อแพ็กเกจการท่องเที่ยวจากสายการบิน โรงแรม ร้านค้า ได้ในราคา 100 บาท ซึ่งแพ็กเกจ ดังกล่าวจัดทำขึ้นจำนวน 4 หมื่นรายการ เน้นกลุ่มเป้าหมายคน Gen X, Gen Y และผู้มีกำลังใช้จ่ายระดับปานกลาง

ส่วนมาตรการที่ 2 “เที่ยววันธรรมดา ราคาช็อกโลก” ใช้งบทั้งสิ้น 52.50 ล้านบาท ร่วมกับพันธมิตรกลุ่มให้บริการสินค้าทางการท่องเที่ยวกลุ่มหรูหรา เน้นให้ท่องเที่ยวในวันธรรมดา หากใครท่องเที่ยวในวันธรรมดาจะมีส่วนลดที่เป็นโปรโมชั่น พิเศษสุด ทั้งเรื่องตั๋วเครื่องบิน โรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ และโปรแกรมบริการพิเศษต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในวันธรรมดา โดยเน้นไปที่กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ 6 กลุ่ม อาทิ ผู้สูงอายุ สุภาพสตรี และคนทำงานครั้งแรก โดยจะร่วมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวกลุ่มหรูหราให้ส่วนลดสูงสุดมากถึง 70%

*** หนุนเงินสะพัดปลายปี

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐ-มนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่า มาตรการ “100 เดียวเที่ยวทั่วไทย” เพื่อดึงผู้ประกอบการท่องเที่ยว ร่วมจัดแพ็กเกจราคาพิเศษ เช่น ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ร้านอาหารและสินค้าบริการ ด้วยราคาเพียง 100 บาทต่อ 1 รายการ ในรูปแบบชิงโชคให้ 4 หมื่นคน ผ่านการลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ซื้อแพ็กเกจ หวังต่อยอดจากมาตรการ “ชิมช้อปใช้” ซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนเริ่มออกไปใช้สิทธิ์ท่องเที่ยวในช่วงแรก นับว่าเป็นโปรโมชั่นอีกด้านหนึ่ง หนุนให้เกิดการท่องเที่ยว เงินกระจายออกสู่ต่างจังหวัด นอกจากนี้ยังมีมาตรการ “เที่ยววันธรรมดา ราคาช็อกโลก” เสริมอีกแรง

*** ลงทะเบียนแค่ 4 วันเท่านั้น

น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า สำหรับมาตรการ “100 เดียวเที่ยวทั่วไทย” ข้อสรุปเบื้องต้นจะมีสินค้าเกี่ยวกับการท่องเที่ยวทั้ง 40,000 รายการ เข้าร่วมมาตรการ “100 เดียวเที่ยวทั่วไทย” ขายในราคาพิเศษ 100 บาทต่อรายการนั้นจะเปิดให้ลงทะเบียน 4 วัน ได้แก่ 11/11 หรือวันที่ 11 พ.ย., 12/11 หรือวันที่ 12 พ.ย., 11/12 หรือวันที่ 11 ธ.ค. และ 12/12 หรือวันที่ 12 ธ.ค.นี้

*** วันธรรมดาช็อกโลกลดกว่า 50%

ส่วนมาตรการ “วันธรรมดาราคาช็อกโลก” มีผู้ประกอบการสนใจนำสินค้าท่องเที่ยวราคาพิเศษที่ทุกคนเอื้อมถึงเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก ทั้งโรงแรม เรือยอชต์ และอื่นๆ แต่จะมีเงื่อนไขกำหนดให้เดินทางได้ในวันธรรมดาหรือตั้งแต่วันจันทร์-พฤหัสบดีเท่านั้นใน 2 เดือนสุดท้ายของปี ตั้งแต่ พ.ย.-ธ.ค.นี้ รวมจำนวน 32 วัน อย่างเรือยอชต์สำหรับ 10 คน ราคาเช่าลดเหลือ 19,900 บาท จากปกติค่าเช่าอยู่ที่ 40,000-50,000 บาท ขณะที่ค่าเช่าซุปเปอร์ยอชต์สำหรับ 8 คน ปกติแล้วจะมีราคาสูงเกินกำลังสำหรับนักท่องเที่ยวชั้นกลาง แต่พอมีการนำมาร่วมมาตรการวันธรรมดาราคาช็อกโลก พบว่าค่าเช่าลดลงมาอยู่ระดับหลักแสนบาท

*** แบงก์ออกบัตรจับกลุ่มเที่ยวนอก

นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าในปีที่ผ่านมามีคนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศประมาณ 11 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.4% มีการใช้จ่ายประมาณ 3.9 แสนล้านบาท จากปัจจัยเงินบาทแข็งค่า โปรโมชั่นต่างๆ และมีการขยายเส้นทางการบินไปยังจุดหมายปลายทางใหม่ๆ ให้เลือกท่องเที่ยวตลอดปี โดยฤดูกาลท่องเที่ยวของคนไทยในการไปต่างประเทศมีอยู่ 2 ช่วง คือ ช่วงมี.ค.-พ.ค.และช่วงต.ค.-ธ.ค.เนื่องจากมีวันหยุดยาวและเป็นช่วงปิดเทอม

ล่าสุด ธนาคารออกบัตรเดบิต JOURNEY เป็นบัตรเดบิตรูปแบบใหม่ที่สามารถใช้งานได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยคอนเซปต์ ‘MAXIMIZE YOUR JOURNEY สุดกว่า ไปได้มากกว่า’ โดยมีจุดขายสำคัญคือเรทแลกเงินถูกพิเศษเป็นปรากฏการณ์ “ทุบสถิติ เรทถูก โลกต้องจำ” ชนทุกเรทของทุกธนาคารและร้านแลกเงินทั่วไป ซึ่งลูกค้าที่ถือบัตรเดบิต JOURNEY จะสามารถรูดซื้อสินค้าใน ต่างประเทศด้วยเรทที่ถูกสุดๆ ใช้จ่ายผ่านบัตรได้ทุกสกุลเงินทั่วโลก ไม่มีชาร์จ 2.5% และไม่ต้องเติมเงินหรือแลกเงินผ่านแอพฯ นอกจากนี้ ยังได้สิทธิ์แลกเงินในเรทพิเศษ แลกได้ง่าย สะดวก แค่โชว์บัตร ณ จุดแลกเงินของธนาคารฯ กว่า 1,000 จุดทั่วประเทศ รวมถึงสิทธิ์เข้า Miracle Lounge สูงสุด 3 ครั้ง/ปี สำหรับผู้ที่สมัครบัตรภายในปี 2562 โดยเฉพาะในปีนี้มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าที่เดินทางต่างประเทศ ทั้งเพื่อท่องเที่ยว ทำงาน และกลุ่มที่ศึกษาในต่างประเทศ เป็นการขยายบริการของบัตรเดบิตให้ตอบรับไลฟ์สไตล์และเทรนด์การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศที่กำลังเติบโต

นางสาวอรรัตน์ ชุติมิต รองผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Retail and Business Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า จากการวิเคราะห์โดยศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (SCB EIC) จากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่านักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปเที่ยวนอกประเทศขยายตัวเฉลี่ย 12% ในช่วง 5 ปีหลัง การใช้จ่ายในต่างประเทศมีมูลค่ารวมสูงถึง 3.2 แสนล้านบาท และข้อมูลจาก Euro Money ยังชี้ให้เห็นว่ามูลค่าการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากต่างประเทศผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ตของผู้ที่อยู่ในประเทศไทยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 19% ทำให้มีมูลค่าสูงถึง 28,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ธนาคารจึงได้ตัดสินใจประเดิมซีรี่ส์แรกของกลยุทธ์ “SCB Global Payment” เจาะกลุ่มผู้ใช้จ่ายสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยการผนึกกำลังพันธมิตรกับวีซ่า ผู้ให้บริการด้านระบบชำระเงินชั้นนำระดับโลก เปิดตัวบัตร “PLANET SCB” ภายใต้คอนเซปต์ “โลกเสรีแห่งการแลกเงิน” เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มที่ชื่นชอบการเดินทางต่างประเทศ กลุ่มช็อปปิ้งออนไลน์ และกลุ่มศึกษาในต่างประเทศ ชูไฮไลต์แลกเงินเรทดีเท่าร้านแลกเงินชั้นนำ แลกได้มากถึง 13 สกุลเงินยอดนิยมในบัตรเดียว รองรับสกุลเงินบาท ใช้จ่ายได้ทุกสกุลเงินทั่วโลกไม่ชาร์จค่าธรรมเนียมเปลี่ยนแปลงสกุลเงิน 2.5% แลกเงินง่ายทุกที่ 24 ชั่วโมง สะดวก รวดเร็ว ผ่านแอพพลิเคชั่น SCB EASY พร้อมตั้งเป้าภายในปีแรกจะมียอดสมัคร บัตร PLANET SCB กว่า 200,000 ใบ และมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรกว่า 5,000 ล้านบาท

นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ผลสำรวจเกี่ยวกับแผนการท่องเที่ยวระดับโลกของวีซ่า แสดงให้เห็นว่าในปี 2562 นี้ คนไทยวางแผนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศประมาณ 3.9 ครั้งต่อปี สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในแถบเอเชียแปซิฟิกที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ 2.8 ครั้งต่อปี และเฉลี่ยทั่วโลกที่ 2.7 ครั้งต่อปี สำหรับจุดหมายปลายทางยอดฮิตที่คนไทยนิยมไปเที่ยว คือประเทศญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ เชื่อมั่นว่าด้วยจุดเด่นของบัตร PLANET SCB จะมอบสิทธิประโยชน์ด้านการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ชำระเงินออนไลน์แบบข้ามแดน จะเป็นหนึ่งในแรงจูงใจสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและนักช็อปออนไลน์ สามารถใช้จ่ายเงินได้อย่างปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ และเข้าสู่สังคมไร้เงินสดได้อย่างแท้จริง

นายจเร เจียรธนะกานนท์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารผลิตภัณฑ์สินเชื่อรายย่อย ทีเอ็มบี กล่าวว่า คนไทยเที่ยวต่างประเทศเฉลี่ย 3.9 ครั้งต่อปี สูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วโลกที่เฉลี่ยอยู่ที่ 2.7 ครั้งต่อปี โดยมีมูลค่าการใช้จ่ายรวมทุกช่องทางคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 4 แสนล้านบาท เติบโตขึ้น 4-6% ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าระดับบนมียอดใช้จ่ายในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 24% ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในต่างประเทศคิดเป็นมูลค่ารวม ประมาณ 120,000 บาท เติบโตขึ้น 8% จากปี 2560 บัตรเครดิตทีเอ็มบี ให้เที่ยวคุ้มทั่วโลก จึงส่งท้ายปีรับเงินคืนสูงสุด 30,000 บาท/เดือน เพียงสะสมยอดใช้จ่ายในต่างประเทศและชำระเป็นสกุลเงินต่างประเทศ ไม่รวมยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต TMB ABSOLUTE Visa Signature และยอดใช้จ่ายออนไลน์ เพียงมียอดสะสมครบ 10,000 บาทขึ้นไป/เดือน รับเครดิตเงินคืน 150 บาท ยอดสะสมครบ 50,000 บาทขึ้นไป/เดือน รับเครดิตเงินคืน 1,000 บาท ยอดสะสมครบ 100,000 บาทขึ้นไป/เดือน รับเครดิตเงินคืน 2,500 บาท ยอดสะสมครบ 1,000,000 บาทขึ้นไป/เดือน รับเครดิตเงินคืน 30,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 62-31 ม.ค.63



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ