“โฮม…สตางค์” พลิกบ้านเก่าสู่คอมมูนิตี้เงินล้าน

วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2562

“โฮม…สตางค์” พลิกบ้านเก่าสู่คอมมูนิตี้เงินล้าน


การจับมือร่วมกันระหว่าง Airbnb ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพเกี่ยวกับการแบ่งปันที่พักที่ได้รับความนิยมทั่วโลกกับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) กระทรวงมหาดไทย เมื่อปีที่ผ่านมา เพื่อนำโฮมสเตย์เข้าสู่แพลตฟอร์ม Airbnb เริ่มจาก 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ชลบุรี เชียงราย นครราชสีมา บุรีรัมย์ อยุธยา เพชรบุรี สงขลา สตูล อุบลราชธานี และสุโขทัย ก่อนกระจายไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ ได้จุดประกายครั้งสำคัญให้กับธุรกิจบริการ ‘โฮมสเตย์’

เนื่องจากในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 1.2 ล้านคนเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าว โดยส่วนใหญ่เดินทางไปยังสถานที่ที่มีชื่อเสียง เช่น ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ การนำโฮมสเตย์เข้าไปไว้ในแพลตฟอร์มจึงเท่ากับเพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับนักท่องเที่ยว ยกระดับการท่องเที่ยวให้ชาวบ้านระดับท้องถิ่นได้มีโอกาสเป็นผู้ประกอบการ ผ่านแพลต ฟอร์ม Airbnb ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยให้มีรายได้ เพียงแค่มีห้องว่างสัก 1 ห้องก็สามารถสร้างรายได้ผ่าน Airbnb ได้ทันที โดยการเปิดห้องให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเข้าพัก

*** โฮมสเตย์จุดแข็งชุมชนไทย

ปัจจุบันนี้การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (Ecotourism) ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ทั้งในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ เพื่อสัมผัสแหล่งชุมชน ศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิต วัฒนธรรม หัตถกรรมของท้องถิ่น ในขณะที่คนไทยมีจิตใจโอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ต้อนรับนักท่องเที่ยวดุจญาติมิตร มีการบายศรีสู่ขวัญเพิ่มเสน่ห์มัดใจ ทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความรู้สึกอบอุ่น อยากอยู่ต่อนานๆ หรือหาโอกาสกลับมาเยือนอีก การจัดกิจกรรมที่พักและได้สัมผัสกับวัฒนธรรมชนบท จึงเป็นแรงดึงดูดให้กับนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวในแหล่งชุมชนซึ่งถือเป็นทางเลือกในตลาดท้องถิ่น เข้ากับคอนเซปต์ของภาครัฐในการสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรองให้เป็นทางเลือกใหม่ของนักท่องเที่ยว

*** หนุนสร้าง คอมมูนิตี้ชุมชน

นางสาวนิธิวดี สมบูรณ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายประสานเครือข่ายผู้ให้บริการ SMEs สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. เปิดเผย สยามธุรกิจว่า เมื่อวันที่ 24-28 กันยายน 2562 สสว.ได้ร่วมกับสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ ISMED พาผู้ประกอบการ SMEs ในภาคธุรกิจบริการ กลุ่ม STRONGER หรือกลุ่มที่กำลังเติบโต ไปดูงานและร่วมงานบิสซิเนส แมชชิ่ง ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อพบปะกับเอเจนต์ทัวร์ญี่ปุ่น 40 บริษัทจับมือเป็นพันธมิตรนำนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาท่องเที่ยวในเมืองไทย มีทั้งกลุ่มสนามกอล์ฟ โรงแรมขนาดเล็ก โฮมสเตย์ และคอมมูนิตี้หรือกลุ่มชุมชน

รองผอ.ประสานเครือข่ายผู้ให้บริการ SMEs สสว. กล่าวต่อว่า ปีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ สสว.นำผู้ประกอบการภาคบริการท่องเที่ยวมาออกงานแมชชิ่ง เพราะเห็นว่าธุรกิจบริการของเรามีค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นสปา ที่พัก ร้านอาหาร สนามกอล์ฟ โดยเฉพาะกลุ่มที่ถือว่าเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลคือคอมมูนิตี้หรือกลุ่มชุมชน ซึ่งในบางชุมชนทำโฮมสเตย์ส่งเสริมกันได้น่าสนใจ เช่น ชุมชนปางห้าโฮมสเตย์ จังหวัดเชียงราย

ทำเป็นคลัสเตอร์ร่วมกันทั้งชุมชน เพราะปัจจุบันถ้าทำลองสเตย์แบบสแตนด์อะโลนค่อนข้างจะลำบากในการที่จะโปรโมตดึงดูดความสนใจ แต่ถ้าเป็น โฮมสเตย์ที่มีการเชื่อมโยงกัน มีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำหลากหลาย จะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวอย่างมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติเวลาไปเที่ยวเมืองไทยเขาอยากใช้วิถีชีวิตแบบชุมชน ทำอาหารไทย ทอผ้า ย้อมผ้า เขารู้สึกแฮปปี้กับการเรียนรู้วิถีชีวิต และคนญี่ปุ่นคุ้นชินกับวิถีชีวิตแบบนั้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ หรือกลุ่มเกษียณที่อยากใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ อยากกลับไปหาวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม เราจึงมองว่าบ้านเราก็มีเสน่ห์ เลยนำผู้ประกอบการมาลองสัมผัสและหาตลาดในญี่ปุ่น

สาเหตุที่นำผู้ประกอบการมาเปิดตลาดที่ญี่ปุ่นเพราะมีความน่าสนใจ เนื่องจากเอจจิ้งโซไซตี้ของคนญี่ปุ่นค่อนข้างเยอะ และเมืองไทยคือโฮมสเตย์ในลำดับต้นๆ ของเอเชียที่คนญี่ปุ่นสนใจ ซึ่งถ้าเจาะ ตลาดสำเร็จ ชุมชนจะมีรายได้มากขึ้น คนในชุมชนมีความเป็นอยู่ที่ดีโดยไม่ต้องย้ายเข้าไปในเมืองใหญ่ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ชุมชนก็ต้องพัฒนาคือมาตรฐานระบบสาธารณสุข เช่น ห้องน้ำของเมืองไทยหลายแห่งยังไม่ได้มาตรฐาน อาจไม่ถึงกับแย่มากแต่น่าจะดีกว่านี้

*** ต่อยอดโอกาสสู่โอกาสใหม่ๆ

ขณะที่ผู้ประกอบการชุมชนปางห้าโฮมสเตย์ จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีโอกาส ไปดูงานและร่วมงานบิสซิเนสแมชชิ่ง ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กับ สสว.และ ISMED กล่าวว่า ได้รับความสนใจจากเอเจนต์ทัวร์ของญี่ปุ่นเข้ามาสอบถาม ข้อมูลเพื่อนำนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นไปท่องเที่ยวเมืองไทยจำนวนมาก ซึ่งชุมชนจะมีทริปให้ลูกค้าเลือกว่าถ้าไปพัก 2 คืน 3 วันลูกค้าจะทำกิจกรรมอะไรบ้าง โดยจะมีฐานกิจกรรมของชุมชนให้เลือก เช่น ในส่วนของปางห้าฯ ก็จะมีกิจกรรมศึกษาวงจรการเลี้ยงไหม ทอผ้าจากไยไหม ทำผลิตภัณฑ์มาสก์หน้าจากไยไหม เป็นต้น ปัจจุบันนอกจากปางห้าฯจะทำโฮมสเตย์แล้วยังขยายไลน์ไปทำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากไยไหมอีกด้วย

*** นักเดินทางโหวตคนท้องถิ่นไทยใจดีอันดับ 1

เมื่อเร็วๆ นี้ Booking.com ได้เผยผลสำรวจผู้เดินทางทั่วโลก ประเทศไทยถูกโหวตเป็นอันดับ 1 ที่คนท้องถิ่นมีความดูแลเอาใจใส่อยู่ในสายเลือด 85% ตามด้วยมาเลเซีย 83% และเม็กซิโก 77% ส่งผลให้ธุรกิจบ้านพัก โฮมสเตย์ เกสต์เฮาส์ขยายตัวสูง โดย นางปาริฉัตร แฮห์เนน ผู้จัดการภาคพื้นประเทศไทย อินโดจีนและเมียนมา ของ Booking.com เปิดเผยว่า จากผลสำรวจผู้เดินทาง 21,500 คน จาก 29 ประเทศ พบว่าประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ที่คนท้องถิ่นมีการดูแลเอาใจใส่อยู่ใน สายเลือด 85% ตามด้วย อินโดนีเซีย 83% อันดับ 3 เม็กซิโก 77% ไต้หวัน 77% และ อินเดีย 75% ทั้งนี้ ประเทศไทยมีชื่อเสียงด้านชายหาดและวัดวาอารามที่สวยงาม เหมาะสำหรับผู้เดินทางที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศอบอุ่น เป็นกันเองและดื่มด่ำกับวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น หงส์ขาววิลเลจ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่พักที่ได้รับคำชมมากมายจากพนักงานที่รู้งานและสามารถให้คำแนะนำด้านการท่องเที่ยวได้ตลอดการเข้าพัก หรือ ปิ๊กบ้าน โฮสเทลเล็กๆ ใจกลางเมืองลำพูน จังหวัดเล็กๆ ที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมทางภาคเหนือ ซึ่งเจ้าของเห็นคุณค่าของบ้านไม้เก่าที่ควรอนุรักษ์ และยังเป็นพาร์ตเนอร์กับ Booking.com ตั้งแต่ปี 2558 ทำให้มีผู้เดินทางเข้ามาพักอย่างไม่ขาดสายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เพื่อสัมผัสวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมและเรียบง่ายของนครหริภุญไชย

*** ‘ท่องเที่ยวเร่งสำรวจโฮมสเตย์หนุนเที่ยวไทย

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ปี 2563 ทุกหน่วยงานต้องเดินหน้าอย่างเต็มที่ในการพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชน พร้อมทั้งเตรียมที่จะจัดทำปฏิทินการท่องเที่ยวให้ต่อเนื่องทั้งปี ครบทั้ง 77 จังหวัด โดยจะดำเนินงานตลอดทั้งปี ไม่เพียงเฉพาะในช่วงเทศกาลเท่านั้น ส่วนรายละเอียดการดำเนินงานต่างๆ ต้องมีการทบทวนอีกครั้งว่า ในแต่ละจังหวัดและชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศนั้น มีธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมใดที่โดดเด่นบ้าง เพื่อเข้าไปทำการฟื้นฟูสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด และจัดทำเป็นปฏิทิน พร้อมเผยแพร่สู่รุ่นลูกหลาน รวมทั้งนักท่องเที่ยวต่อไป ขณะเดียวกันก็จะเป็นส่วนช่วยสร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนเพิ่มเติมด้วย

โดยได้สั่งการให้กรมการท่องเที่ยวในแต่ละจังหวัด สำรวจโฮมสเตย์ทั่วประเทศเพื่อเป็นแนวทางในการกระตุ้นการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้เกษตรกร นอกเหนือจากการทำการเกษตร จะดำเนินการเป็นมาตรการกระตุ้นรายได้ให้กับชุมชนและจะนำเข้า ครม.เศรษฐกิจอีกครั้งภายในสิ้นปี 2562 เพื่อรายงานให้ที่ประชุมและนายกรัฐมนตรีได้รับทราบโครงการที่จะดำเนินงานในปี 2563 ซึ่งมั่นใจว่าทุกจังหวัดและทุกชุมชนจะได้รับประโยชน์ และเน้นให้ คนไทยเที่ยวไทย เพื่อปรับสัดส่วนของ ภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศที่ปัจจุบันมีสัดส่วนคิดเป็น 1 ใน 3 ของรายได้รวมจากภาคการท่องเที่ยวทั้งหมด โดยตั้งเป้าปรับขึ้นมาเป็น 1.2% สำหรับรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2562 มั่นใจว่าจะถึงเป้าที่ 3.3 ล้านล้านบาท และเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวที่ 40 ล้านคนได้แน่นอน ทั้งจำนวนรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยว

*** แนะ ชิมช้อปใช้จ่ายเงินเพื่อท่องเที่ยว

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่า รัฐบาลต้องการให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินเพื่อการท่องเที่ยวและกระจายไปยังต่างจังหวัด ไม่ใช่หวังใช้จ่ายเงินสำหรับสินค้าทั่วไป ซึ่งผู้ได้รับสิทธิ์เริ่มทยอยออกไปใช้เงิน 1,000 บาท ขณะที่ร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “ชิมช้อปใช้” ปัจจุบันราว 160,000 ร้านค้า อาทิ 1.ร้านชิม เป็นสินค้าประเภทอาหาร ทั้งร้านอาหารส่วนราชการ สวัสดิการ ร้านจดทะเบียนพาณิชย์ 2.ร้านช้อป เป็นสินค้าและบริการทั่วไป ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถซื้อสินค้าและบริการได้ภายในวงเงิน 1,000 บาทเท่านั้น ดังนั้น ผู้ต้องการซื้อสินค้าภายในร้าน ทั้งอุปกรณ์ เครื่องมือ สินค้าต่างๆ แม้ราคาจะสูงแต่ ใช้แอพฯ “เป๋าตัง” ซื้อได้เพียง 1 พันบาท ส่วนที่เหลือให้เติมเงินเข้าไปแต่จะไม่ได้รับรีแวตเนื่องจากร้านค้าประเภทสินค้าและบริการทั่วไป ให้รับเงินได้เฉพาะ G-Wallet 1 เท่านั้น ส่วนร้านค้าท้องถิ่น สินค้า โอท็อป วิสาหกิจชุมชนที่ติดป้ายร่วมโครงการ ขายได้ทุกประเภท ทั้ง G-Wallet 1 และ 2 และ 3.ร้านใช้ เป็นที่พัก โรงแรม โฮมสเตย์ ทัวร์ รถนำเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น สปา ร้านค้ากลุ่มนี้รับชำระเงินได้ทั้งประเภท ทั้ง G-Wallet 1 และ 2



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ