“CONC Thammasat” เผยผลวิจัยบริการเรียกรถผ่านแอปฯ มูลค่า 21,000 ล้าน พร้อมชู 5 แนวทางหลักในการกำกับดูแลของภาครัฐ ชี้ไทยเป็น 1 ใน 3 ประเทศสุดท้ายในภูมิภาคอาเซียนที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับการให้บริการ Ride-hailing
ศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาผู้บริหารทางธุรกิจแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (CONC Thammasat) แถลงผลการศึกษาและวิจัยเชิงวิชาการภายใต้หัวข้อ “อุตสาหกรรมการให้บริการยานพาหนะผ่านทางแอปพลิเคชัน (Ride-hailing service): บทบาทในการสนับสนุนเศรษฐกิจไทยและความจำเป็นในการพัฒนาหลักเกณฑ์และกฎหมายให้ตอบโจทย์การพัฒนาที่ยั่งยืน” เพื่อใช้ต่อยอดและสนับสนุนการยกระดับมาตรฐานให้กับอุตสาหกรรม Ride-hailing ทั้งในด้านคมนาคมขนส่ง ความปลอดภัย การพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ตลอดจนการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี พร้อมนำเสนอ 5 แนวทางหลักที่ภาครัฐควรนำมาพิจารณาในการกำกับดูแลบริการ Ride-hailing โดยมุ่งเน้นการสร้างประโยชน์สูงสุดกับทุกภาคส่วน ทั้งผู้โดยสาร ผู้ขับ ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน ภาครัฐ ตลอดจนสังคมโดยรวม ควบคู่ไปกับส่งเสริมการพัฒนาประเทศในยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืน
ดร.สุทธิกร กิ่งแก้ว ในฐานะหัวหน้าโครงการศึกษาและวิจัยฯ กล่าวว่า ปัจจุบัน อุตสาหกรรมการให้บริการยานพาหนะผ่านทางแอปพลิเคชันหรือ Ride-hailing ได้เปลี่ยนวิถีชีวิตและการเดินทางของคนในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึงประเทศไทย ด้วยความง่ายและสะดวกในการใช้บริการ ประกอบกับปัจจัยเกื้อหนุนต่างๆ ทั้งการเข้าถึงสมาร์ทโฟนและอินเทอร์เน็ต การเติบโตของสังคมเมือง (Urbanization) การพัฒนาทางเทคโนโลยีและดิจิทัล รวมถึงรูปแบบการใช้ขีวิตของคนยุคใหม่ที่เน้นความคล่องตัวมากขึ้น ส่งผลให้บริการ Ride-hailing ซึ่งเป็นตัวกลางจับคู่ระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสารผ่านแอปพลิเคชัน ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่ในสังคมเมือง ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนมากถึง 34.5 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 50 ของคนไทยทั้งประเทศ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 73 ในอีก 30 ปีข้างหน้า”
ปัจจุบัน อุตสาหกรรม Ride-hailing ในประเทศไทยมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 21,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 6 ของ GDP ภาคขนส่งโดยสารทางบกไทย ทั้งนี้ จากความนิยมของผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นที่คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมนี้จะมีการเติบโตสูงขึ้นจนมีมูลค่าถึง 1.2 แสนล้านบาทในปี พ.ศ. 2568 หรือคิดเป็นร้อยละ 20 – 25 ของ GDP ภาคขนส่งโดยสารทางบกไทยในอีก 6 ปีข้างหน้า โดยมีผู้โดยสารใช้บริการ Ride-hailing ในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2561 ประมาณ 2.4 ล้านคนต่อเดือน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 11 ล้านคนต่อเดือนในปี พ.ศ. 2568 ในขณะที่มีผู้ขับขี่รถยนต์โดยสารเพื่อให้บริการ Ride-hailing ในปี พ.ศ. 2561 ประมาณ 105,000 คนต่อเดือน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 590,000 คนต่อเดือนในปี พ.ศ. 2568
ดร. สุทธิกร กล่าวเสริมว่า แม้ว่าอุตสาหกรรม Ride-hailing จะได้รับการยอมรับจากภาคประชาชนและกลายเป็นหนึ่งในทางเลือกสำคัญในการเดินทางให้กับคนไทยควบคู่ไปกับแท็กซี่ในระบบดั้งเดิม แต่ธุรกิจดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของภาครัฐในการกำหนดขอบเขต หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้รถยนต์ส่วนบุคคลสามารถนำมาให้บริการเป็นรถสาธารณะผ่านแอปพลิเคชันได้อย่างถูกต้อง โดยปัจจุบัน ประเทศไทยเป็น 1 ในสามประเทศสุดท้ายในภูมิภาคอาเซียนที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับการให้บริการ Ride-hailing ทั้งนี้ จากผลการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับบริการ Ride-hailing เมื่อเร็วๆ นี้ ระบุว่า 95% ของผู้บริโภคเห็นด้วยกับการทำให้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันอย่าง Grab หรือ Uber ถูกกฎหมาย และ 77.24% ของคนไทยเห็นว่าจำเป็นต้องแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน
จากผลการศึกษาและวิจัยของ CONC Thammasat พบว่า การพัฒนาและผลักดันให้อุตสาหกรรม Ride-hailing สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างถูกกฎหมายนั้นจะช่วยสร้างประโยชน์ให้กับหลายภาคส่วน และส่งผลต่อการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น
นอกจากนี้ CONC Thammasat ยังได้นำเสนอแนวทางในการกำหนดมาตรฐานการกำกับดูแลบริการ Ride-hailing ในประเทศไทยซึ่งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องควรใช้ในการพิจารณา โดยการรับฟังความคิดเห็นและมุมมองจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มต่างๆ ทั้งผู้โดยสาร ผู้ขับขี่ที่ให้บริการ Ride-hailing ผู้ขับแท็กซี่ในระบบดั้งเดิม ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนักวิชาการ ซึ่งครอบคลุม 5 ประเด็นหลัก อันได้แก่
“Ride-hailing ถือเป็นทางเลือกสำคัญที่ช่วยสร้างประโยชน์ต่อระบบคมนาคมขนส่งทั้งระบบ เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยอำนวยความสะดวกในด้านการเดินทางให้กับคนไทย แต่ยังรวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวซึ่งนำรายได้มหาศาลมาสู่ประเทศไทยด้วย นอกจากนี้ ข้อมูลดิจิทัลที่ถูกบันทึกจากแอปพลิเคชันยังสามารถนำมาช่วยในการต่อยอดและพัฒนาในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยว การวางแผนแก้ไขปัญหาการจราจร หรือการวางผังเมืองในอนาคต ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า Ride-hailing ได้กลายเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในโครงสร้างพื้นฐานของระบบคมนาคมขนส่งที่ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมและขับเคลื่อนประเทศไทยในโลกยุคดิจิทัล”