ธนาคารกลางสหรัฐฯ เตรียมลดขนาด QE กลางปีนี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีขึ้นตามเป้า และปิดโครงการไม่เกินกลางปีหน้า พร้อมรักษาอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ที่ระดับ 0-0.25% ต่อไป เพื่อกระตุ้นการลงทุน ตราบใดที่อัตราว่างงานยังคงยืนเหนือระดับ 6.5% และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 2.5%

นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางของสหรัฐฯ หรือเฟด ระบุในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อวันพุธที่ 19 มิ.ย. ที่ผ่านมาว่า เฟดจะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อสินทรัพย์ในวงเงิน ปัจจุบันที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม เฟดจะยังคงซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในวงเงิน 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ/เดือน ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 4 (QE4) ที่ประกาศใช้ในเดือนธันวาคม 2555 และ ซื้อหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS) วงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ/เดือน ตามมาตรการ QE3 ที่ประกาศใช้ในเดือนกันยายน 2555 ซึ่งมีวงเงินรวมกันทั้งสิ้น 8.5 หมื่น ล้านดอลลาร์สหรัฐ/เดือน โดยแถลงการณ์ภายหลังการประชุมระบุว่า เฟด จะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ที่ระดับใกล้ 0-0.25% ต่อไป ตราบใดที่อัตราว่างงานยังคงยืนเหนือระดับ 6.5% และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 2.5%

"หากข้อมูลเศรษฐกิจที่เฟดจะได้รับ ในวันข้างหน้านั้นบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจฟื้นตัว ตามที่คาดการณ์ไว้ ก็เป็นเรื่องเหมาะสม ที่เฟดจะชะลอโครงการซื้อพันธบัตร หรือ ชะลอการทำ QE ภายในปีนี้ และหากข้อมูลเศรษฐกิจยังคงออกมาสอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ เฟดก็จะยังคงลดขนาดวงเงิน ซื้อพันธบัตรไปจนถึงช่วงครึ่งแรกของปีหน้า และจะสิ้นสุดโครงการซื้อพันธบัตรประมาณ กลางปีหน้า"

สำหรับถ้อยแถลงของเบอร์นันเก้ แสดงให้เห็นว่า ธนาคารกลางของสหรัฐฯมองเห็นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้าง มั่นคง และเฟดพร้อมที่จะยุติมาตรการผ่อนคลายในเชิงปริมาณทางการเงิน หรือ QE (quantitativeeasing) อย่างไรก็ตาม สมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เอฟโอเอ็มซี) เชื่อว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะเติบโตในระดับกลางๆ และมีการเติบโตในด้านแรงงานและ การจ้างงาน แต่สมาชิกฯ ไม่เห็นด้วยกับการ ดำเนินนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดเนื่องจากเกรงว่า จะชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งเฟดคาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะอยู่ที่ประมาณ 2.3-2.6% ในปีนี้ และประมาณ 3.0-3.5% ใน ปีหน้า

ขณะที่อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณราว 7.6% และเป็น เรื่องยากที่จะทำให้อัตราการว่างงานลดลงไปอยู่ที่ราว 6.5% ในสิ้นปีหน้า

"การชะลอการดำเนินมาตรการผ่อน ปรนทางการเงินเชิงปริมาณในด้านการซื้อขายสินทรัพย์นั้นไม่เหมือนกับการดำเนินนโยบายทางการเงินที่เข้มงวด แต่เป็นเหมือน การชะลอการเหยียบคันเร่งในระหว่างที่รถ กำลังเร่งเครื่องแต่ยังไม่ใช่เวลาที่จะเหยียบเบรก"

ขณะเดียวกัน เฟดมีมติคงอัตรา ดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0-0.25% โดยย้ำว่า จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไป

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ มองว่า ตามแถลงการณ์ของเบอร์นันเก้ เฟด น่าจะยังคงใช้มาตรการกระตุ้นในปัจจุบันต่อไป อีกสักระยะจนกว่าจะมีหลักฐานสนับสนุนให้ยุติการใช้คิวอี หรือจนกว่าประธานเฟดจะออกมาประกาศยุติอย่างแท้จริงอีกครั้ง ซึ่งหมายความว่า เศรษฐกิจและการจ้างงาน ของสหรัฐฯ ต้องเป็นไปตามที่เฟดคาดการณ์ ไว้อย่างชัดเจน