"นีออน ไวท์" สกินแคร์ไทย สยายปีกบินปักหมุดสู่ "โคเรีย" เขย่าตลาดความงามแดนกิมจิ

วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2562



ตลาดสกินแคร์ไทย ไม่ธรรมดา 'นีออน ไวท์' โดนเกาหลีจีบ จับมือ ร่วมลงทุนเกาหลี เปิดโรงงานผลิตสินค้าความงามเจาะตลาดเกาหลีจริงจัง ภายใต้แบรนด์ นีออน จุดเด่น การใช้สมุนไพรสูตรแท้ของเกาหลี ร่วมรับทำ OEM ในอนาคต พร้อมเดินเกมส์ต่อรุกตลาด CLMV  มั่นใจรายได้ปีนี้แตะ 500 ล้านบาท และ หลังร่วมทุนกาหลีคาดรายได้ปีหน้าพุ่ง 1,000 ล้านบาท

นายธนกฤต โรจนตรีภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นีออน ไวท์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้จำหน่าย ผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่งสกินแคร์แบรนด์ “นีออน” กล่าวว่า บริษัทก่อตั้งเมื่อปี 2559 ด้วยเงินทุนจดทะเบียน 5ล้านบาท ดำเนินการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งสกินแคร์ภายใต้แบรนด์ “นีออน” โดยที่ผ่านมามีผลิตภัณฑ์ 7 ชนิดได้แก่ มาส์ก โลชั่น เซรั่ม เจล ครีม สบู่ และสครับ โดยหลังจากตลอดเวลา 4 -5 ปี ที่ทำตลาดมาแบรนด์ของเรามีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างเร็วจากปีแรกหลักสิบล้านบาท 1-2 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเป็น 200-300 ล้านบาท ผลของความสำเร็จเกิดจากคุณภาพสินค้า และการตลาด ที่ใช้กลยุทธ์บอกต่อผ่านโลกโซเชียล จากการใช้จริงของผู้บริโภคที่มาจากหลากหลายอาชีพ ไม่ใช่ดาราอย่างแบรนด์อื่น รวมถึงระบบการขายที่เน้นเฉพาะรูปแบบตัวแทนจำหน่ายที่ขายเฉพาะในช่องทางออนไลน์เท่านั้น

ล่าสุดในปีนี้บริษัทได้ตกลงร่วมทุนกับบริษัท ฮวาชินเทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ในเกาหลี ดำเนินธุรกิจทางด้านซัปพลายเชนผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ มีความสนใจเข้ามาร่วมลงทุนกับทางบริษัทเรา ในการเปิดบริษัท นีออน ไวท์ (เกาหลี) จำกัด เพื่อมาดูแลเรื่องการผลิต สินค้าทั้งหมดภายใต้แบรนด์นีออน เนื่องจากทางฮวาชินเทคมีความสนใจในเรื่องของธุรกิจด้านความงาม เครื่องสำอาง และสกินแคร์อยู่แล้ว และได้เห็นความสำเร็จของอัตราการเติบโตของแบรนด์เรา จึงได้ตัดสินใจมาทำธุรกิจร่วมกันโดยทางเกาหลีถือหุ้นในสัดส่วน 51% และทางไทยถือหุ้น 49% เพื่อเป็นฐานผลิตใหม่ และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์นีออนในเกาหลี

"ทางฮวาชินเทค โดย นางอี ยาง วัน ผู้อำนวยการบริษัท สนใจในเรื่องของธุรกิจความงาม บวกกับนีออนมีหลายสิ่งที่อี ยาง วัน มองเห็นโอกาสว่าสามารถทำตลาดในเกาหลีได้ การร่วมทุนนี้จึงเกิดขึ้น โดยหลังจากนี้ฐานการผลิตทั้งหมดของนีออนจะย้ายไปอยู่ที่เกาหลี จากปัจจุบันเป็นการจ้างผลิต ซึ่งทางฮวาชินเทคมีโรงงาน 2 แห่งที่เพิ่งเทกโอเวอร์มา โดยเป็นโรงงานผลิตด้านเครื่องสำอาง โดยโรงงานที่ชื่อว่าแพ็ค อ๊ก เซง จะเป็นโรงงานที่อยู่ภายใต้นีออน ไวท์ เกาหลี ที่จะผลิตผลิตภัณฑ์แบรนด์นีออนทั้งหมด รวมถึง OEM ให้แบรนด์อื่นในเกาหลีด้วย"

ธนกฤต กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในเกาหลีที่เราวางแผนไว้ต้องการจะชู แบรนด์ "นีออน" เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากสมุนไพรเกาหลีแท้ ที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับสินค้าในกลุ่มแบรนด์ซาวาซู แต่มีราคาที่ผู้บริโภคสามารถจับต้องได้ง่ายมากขึ้น โดยหลังจากนี้ที่ได้ร่วมทุนกันแล้ววางแผนจะผลิตสินค้าตัวใหม่เพิ่มอีก 2 ตัว คือ เซรัมและครีม จากนั้วางแผนจะใช้กลยุทธ์การทำตลาดผ่านการใช้ไอดอลเกาหลีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ต่อไปด้วย พร้อมกับการทำตลาดทุกช่องทางในเกาหลีไม่ว่าจะเป็นออนไลน์และออฟไลน์ โดยล่าสุดเราได้ทุ่มงบลงทุน 100 ล้านบาท เช่าตึกย่านกังนัมทำเป็นสำนักงานและช้อป เพื่อทำการวางจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ “นีออน” ที่เกาหลีอีกด้วย ซึ่งเปิดได้มาประมาณ 4 เดือนแล้ว ซึ่งจากแผนการตลาดที่เราวางไว้เรามั่นใจว่าอนาคตอันใกล้แบรนด์นีออนจะได้รับการตอบรับในตลาดเกาหลีเป็นอย่างดี

สำหรับตลาดในประเทศ นีออนไวท์ จะยังคงเน้นการจำหน่ายผ่าน ระบบตัวแทน แทนที่มีกว่า 10,000 รายในปัจจุบัน แต่จะมีการปรับปรุงระบบที่เป็นโนว์ฮาวของทางบริษัทที่ได้พัฒนาขึ้นเอง ซึ่งจะทำให้การ จัดจำหน่ายของตัวแทนมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีผลลัพธ์ในการจำหน่ายที่ดีขึ้น สามารถวัดผลความสำเร็จ ได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ นีออนไวท์ ยังมองหา ช่องทางที่จะขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านทั้งลาว กัมพูชา เวียดนาม และพม่า (CLMV) อีกด้วย 

ทั้งนี้  ผลประกอบการที่ผ่านมา นีออนสามารถทำได้ประมาณ150-200 ล้านบาทต่อปี โดยในปีนี้ได้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 500ล้านบาท หรือโตขึ้นจากที่ผ่านมาประมาณ 300% และมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ เพราะ ความนิยมในตัวผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วได้ผลดี ประกอบกับเมื่อมีการร่วมทุนกับทางเกาหลี ก็จะมีการขยายไลน์ การผลิตให้มากขึ้น รวมถึงยังมีแผนการที่จะทำตลาดแบบ OEM  และแผนการทำตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน อีกด้วย ทำให้ในปีหน้ามั่นใจว่าจะเพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาท อย่างแน่นอน

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ