ธนาคารกลางสหรัฐยืนมาตรการคิวอีตามเดิม "เจเน็ท เยลเลน" เต็งจ๋าต่อคิว "เบน เบอร์นันเก้"

วันพุธที่ 03 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ธนาคารกลางสหรัฐยืนมาตรการคิวอีตามเดิม


ในที่สุด หวยการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ของธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกาก็ถูกเปิดเผยออกมา โดยปราศจากการเปลี่ยนแปลงแก้ไขขนาดวงเงินการอัดฉีดเข้าไปหล่อลื่นระบบเศรษฐกิจผ่านกลไกสถาบันการเงิน ภายใต้มาตรการคิวอี-3 ในอัตราเดือนละ 85,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เหตุปัจจัยสำคัญที่ทำให้ที่ประชุมครั้งล่าสุดของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีมติให้คงมาตรการคิวอี-3 และขนาดวงเงินการหล่อลื่นระบบเศรษฐกิจไว้ในระดับเดิมทุกประการมีอยู่ด้วยกัน 3 ประการ

ประการแรก อัตราเงินเฟ้อ ยังมีแนวโน้มที่ทรงตัวอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ

ประการที่ 2 อัตราการว่างงาน ยังไม่มีแนวโน้มการลดต่ำลงให้เห็นได้อย่างชัดเจน

ประการที่ 3 อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ ยังอยู่ในระดับต่ำ

เป็นที่น่าสังเกตว่ามติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกางวดล่าสุด แทนที่จะทำให้ตลาดหุ้นมีปฏิกิริยาตอบรับในทางบวก กลับกลายเป็นตรงกันข้าม

ดัชนีราคาหุ้นทั้งในตลาดหุ้นนิวยอร์ก และตลาดหุ้นสำคัญทั่วยุโรป ล้วนเคลื่อนไหวรับข่าวการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินไปในทิศทางที่เป็นลบโดยถ้วนหน้า ราวกับเป็นการส่งสัญญาณให้ได้รับรู้โดยทั่วกันว่ามนต์ขลังของเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางคนปัจจุบันกำลังเสื่อมถอยลง และรอเวลาร่วงโรยลงในอนาคตอันใกล้นี้แล้ว

จุดเปลี่ยนที่ถูกตีความนำไปสู่การนับถอยหลังการดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางของเบอร์นันเก้ เกิดจากปฏิกิริยาของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่นิ่งเฉยกับการแสดงท่าทีที่จะต่ออายุการทำหน้าที่ประธานธนาคารกลางแก่เขาเป็นสมัยที่ 3

เบื้องลึกแห่งความวางเฉยของประธานาธิบดีโอบามา ต่ออนาคตของเบน เบอร์นันเก้ บนเก้าอี้ประธานธนาคารกลาง อาจจะมาจากการประเมินผลลัพธ์จากการดำเนินมาตรการคิวอีตั้งแต่ครั้งแรก จนถึงครั้งปัจจุบันแล้วสรุปรวบยอดว่าการดำเนินนโยบายการเงิน ผ่านมาตรการคิวอี ภายใต้ความรับผิดชอบของเบน เบอร์นันเก้ ประสบความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เนื่องจากไม่ได้ส่งผลกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ และไม่ได้บรรเทาภาวะการว่างงานให้ทุเลาเบาบางลงตามที่คุยอวดเอาไว้ในตอนต้น

พลันที่มีการจับสัญญาณการเปลี่ยนแปลงตัวประธานธนาคารกลางจากเบน เบอร์นันเก้ ศาสตราจารย์ ทางเศรษฐศาสตร์จากค่ายพรินซ์ตัน ไปเป็นบุคคลอื่น ทำให้ เกิดกระแสการคาดเดาถึงบุคคลอื่นที่จะได้รับความไว้วางใจ จากประธานาธิบดีโอบามา ในการเสนอชื่อให้เข้าไปทำหน้าที่ ประธานาธนาคารกลางคนใหม่ในทันทีที่เบน เบอร์นันเก้ ครบวาระสมัยที่ 2 ในวันที่ 31 มกราคม 2557

ณ ขณะนี้บุคคลที่ได้รับการคาดหมายจะได้รับการเสนอชื่อเข้าดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐมีอยู่ด้วยกัน 5 คน

คนแรก ซึ่งดูเด่นที่สุด และน่าจะได้รับความไว้วางใจเสนอชื่อมากที่สุดคือ ศาสตราจารย์ทางเศรษฐศาสตร์จากค่ายมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียแห่งเบิร์กลีย์ เป็นสุภาพสตรี วัย 66 ปีที่ชื่อ "เจเน็ท เยลเลน"

เธอเคยได้รับความไว้วางใจจากอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ให้ทำหน้าที่ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ และเคยทำหน้าที่ประธานธนาคารกลาง สาขาซานฟรานซิสโก

ปัจจุบันเธอ ทำหน้าที่รองประธานธนาคารกลางและเป็นส่วนหนึ่งในคณะกรรมการนโยบายการเงิน ที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางนโยบายการเงิน

หากถึงที่สุดแล้วประธานาธิบดีโอบามา เสนอชื่อของเธอให้ทำหน้าที่ประธานธนาคารกลาง ตามความคาดหมาย จะทำให้เธอกลายเป็นสุภาพสตรีคนแรกในรอบ 100 ปีของประวัติศาสตร์การสถาปนาธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกาในทันที

คนที่ 2 คือ "ลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์" นักเศรษฐศาสตร์จากค่ายฮาร์วาร์ด วัย 58 ปี ที่เคยได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในสมัยประธานาธิบดีบิล คลินตัน

คนที่ 3 คือ "ทีโมธี ไกร์ทเนอร์" วัย 51 ปีที่เคยได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในยุคประธานาธิบดีโอบามา สมัยที่ 1

คนที่ 4 คือ "โรเจอร์ เฟอร์กูสัน" วัย 61 ปี ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการกองทุนบำเหน็จบำนาญ และเคยทำหน้าที่รองประธานธนาคารกลางมาก่อน

คนที่ 5 คือ "โดนัลด์ โคน" วัย 70 ปี ซึ่งมีประสบการณ์ในการดำเนินนโยบายการเงินมาอย่างโชกโชน ในฐานะรองประธานธนาคารกลางของสหรัฐฯมาอย่างยาวนาน

เวลา...บารมีของเบน เบอร์นันเก้ บนสถานะประธานธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา กำลังริบหรี่เต็มทีแล้วในตอนนี้


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ