นาย ฮิโรชิ โยโกตะ ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า แคนนอนมุ่งเน้นการขยายธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท เพื่อตอบโจทย์ความต้องการใช้งานของผู้บริโภคตั้งแต่ผู้บริโภครายย่อย (B2C) ตลอดจนทุกระดับธุรกิจ (B2B) ที่หลากหลายตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง รวมไปถึงขนาดใหญ่ ผ่านผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานในทุกประเภทธุรกิจ รวมถึงตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างครอบคลุม ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์อิงค์เจ็ทอันดับ 1 ในประเทศไทยต่อเนื่อง 19 ปีซ้อน ด้วยยอดจำหน่ายเครื่องพิมพ์ในไลน์อิงค์เจ็ท 373,942 เครื่อง ในปี 2561 ครองส่วนแบ่งตลาดคิดเป็น 40% ของยอดจำหน่ายรวม
“สำหรับการเติบโตที่แข็งแกร่งของ แคนนอน ประเทศไทย ตลอดระยะเวลา 25 ปี เป็นผลจากการดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกอย่างต่อเนื่องหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ควบคู่ไปกับกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ในกลุ่มผู้บริโภค ตลอดจนการบริการหลังการขาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และความไว้วางใจ แก่กลุ่มลูกค้าทั้งในปัจจุบันและในอนาคต พร้อมกันนี้แคนนอนยังคงเดินหน้า และมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท เพื่อให้การทำธุรกิจของลูกค้าทุกระดับเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น”
ด้าน นางสาวเนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข ผู้อำนวยการกลุ่มผลิตภัณฑ์พรินเตอร์ บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวเสริมว่า ล่าสุด แคนนอนได้เปิดตัว กลุ่มผลิตภัณฑ์อิงค์เจ็ทรุ่นใหม่ 2 ซีรี่ส์ รวม 5 โมเดล ประเดิมด้วย เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทในตระกูล G Series ได้แก่ G6070 G5070 และ GM2070 ตามมาด้วยเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสี ขนาด A3 ในตระกูล WG Series ได้แก่ WG7740 และ WG7750F ที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจในทุกระดับ ซึ่งสะท้อนออกมาในรูปแบบของโมเดลธุรกิจได้ 4 ระดับ ดังนี้ 1.ธุรกิจระดับ S – Model : เหมาะสำหรับผู้ที่มีร้านค้าปลีกออนไลน์ หรือธุรกิจเป็นส่วนตัว 2. ธุรกิจระดับ M – Model: เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลาง ที่มีผู้ใช้งานเครื่องพิมพ์ร่วมกันประมาณ 5 - 10 คน และต้องการเครื่องพิมพ์ที่รองรับการเชื่อมต่อที่เพิ่มขึ้น 3.ธุรกิจระดับ L – Model: เหมาะกับธุรกิจขนาดใหญ่ อย่าง บริษัทเอเจนซี่ และ 4. ธุรกิจระดับ Corporate – Model: เหมาะสำหรับกลุ่มธุรกิจระดับองค์กรขนาดใหญ่ ภาคราชการ หรือกลุ่มงานระดับโปรดักชัน
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันแคนนอนมียอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนสิงหาคม ปี 2562 จำนวน 238,720 เครื่อง โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์อิงค์เจ็ทของแคนนอนครองส่วนแบ่งตลาดถึง 40% และด้วยเป้าหมายใหม่ของแคนนอนในปีนี้ ที่พร้อมรุกตลาดงานพิมพ์ในกลุ่มธุรกิจ (B2B) ทำให้แคนนอนคาดหวังการเติบโตของ ยอดขาย ในกลุ่มสินค้าเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ททะลุ 420,000 เครื่อง หรือเติบโต 112% ภายในสิ้นปี 2562
