สรรพสามิตปรับเพิ่มภาษีความหวาน ดีเดย์ 1 ต.ค.แนะผู้ประกอบการปรับตัว

วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2562

สรรพสามิตปรับเพิ่มภาษีความหวาน  ดีเดย์ 1 ต.ค.แนะผู้ประกอบการปรับตัว


นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี ในฐานะรองโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า จากการสำรวจความเห็นภาคประชาชน ผู้เชี่ยวชาญ และอุตสาหกรรมเครื่องดื่มน้ำตาลส่วนผสมพบว่า อุตสาหกรรมเครื่องดื่มปรับลดปริมาณการใส่น้ำตาลลงพร้อมติดโลโก้แสดงสัญลักษณ์เพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว ซึ่งจากผลการศึกษาพบว่าผู้ที่ให้ความสนใจในเรื่องสุขภาพมีอายุอยู่ในช่วง 30 ปีลงมา และ 60 ปีขึ้นไป ส่วนอายุในช่วงระหว่าง 30 ถึง 60 ปีไม่ค่อยให้ความสนใจมากนัก โดยผู้ตอบแบบสำรวจเกี่ยวกับมาตรการภาษีความหวานและการตระหนักถึงอันตรายจากการบริโภคน้ำตาลมากเกินความจำเป็นของร่างกายมีไม่ถึง 50% สะท้อนให้เห็นถึงการประชาสัมพันธ์ที่ไม่เพียงพอตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้นต้องเพิ่มช่องทางการสื่อสารที่ได้รับความนิยมสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย อีกทั้งควรเพิ่มช่องทางการประชาสัมพันธ์สินค้าที่เป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพให้ประชาชนเข้าถึงเพิ่มมากขึ้น โดยได้หารือกับคณะทำงานและผู้ประกอบการเพื่อปรับเปลี่ยนโลโก้ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมทั้งแสดงสัญลักษณ์ที่ชัดเจนมากขึ้น

"ประชาชนส่วนใหญ่บริโภคน้ำตาลในปริมาณที่สูงเกินกว่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลก 2 ถึง 3 เท่าต่อการใช้พลังงานของร่างกายในแต่ละวัน ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) อาทิเช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ ภายหลังที่กรมจัดเก็บภาษีความหวานเมื่อปี 2560 ทำให้อุตสาหกรรมปรับตัวและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี" นายณัฐกรกล่าว

สำหรับแนวทางเพิ่มการจัดเก็บภาษีตามปริมาณน้ำตาล เสนอปรับอัตราภาษีแบบขั้นบันไดในทุก 2 ปี สูงสุด 5 บาทต่อลิตร เริ่มมาตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งการจัดจัดเก็บภาษีปีที่ผ่านมารายได้ 2,000- 3,000 ล้านบาท และคาดว่าในปีงบประมาณ 63 จะเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นเป็น 4,500 ล้านบาท

โดยตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 นี้ อัตราภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มจะมีการปรับตัวสูงขึ้นอีกตามแผน ซึ่งอุตสาหกรรมเครื่องดื่มจำเป็นต้องพยายามที่จะมีการปรับสูตรการผลิตเพื่อลดผลกระทบดังกล่าวด้วย โดยอัตราภาษีความหวานตั้งแต่ 1 ต.ค.62 ถึง 30 ก.ย.64 มีดังนี้ เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลไม่เกิน 10 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร เก็บภาษีเท่าเดิมที่ 0.30 บาทต่อลิตร เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกิน 10 กรัม แต่ไม่เกิน 14 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 1 บาทต่อลิตรจากเดิม เสียภาษี 0.50 บาทต่อลิตร เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกิน 14 กรัม แต่ไม่เกิน 18 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 3 บาทต่อลิตร จากเดิม 1 บาท และ ที่มีปริมาณน้ำตาลเกิน 18 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 5 บาทต่อลิตร และ จะมีการปรับภาษีแบบขั้นบันไดแบบเท่าตัวอีกครั้งในช่วง 1 ต.ค.64-30 ก.ย.66 และ 1 ต.ค.66 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าที่ผ่านมาราคาเครื่องดื่มที่ปรับตัวสูงขึ้นไม่ได้มาจากการขึ้นภาษี แต่สาเหตุที่ขึ้นมาจากต้นทุนอื่นที่เปลี่ยนแปลง



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ