3 แบงก์รัฐออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมจาก 'พายุโพดุล” ออมสิน อัดมาตรการพักชำระหนี้ แถมให้กู้ฉุกเฉิน 50,000 บาท ปีแรกดอกเบี้ย 0% 3 เดือนแรกไม่ต้องจ่าย ขณะที่ ธ.ก.ส. พร้อมช่วยเหลือเกษตรกรทั้งกรณีฉุกเฉินและการช่วยเหลือฟื้นฟูหลังประสบภัย ธอส.จัด 7 มาตรการ พักหนี้ ลดดอกเบี้ย ให้กู้ซ่อม/สร้าง ปลอดหนี้บางส่วนและจ่ายค่าสินไหมเร่งด่วน 15,000 บาท/ราย
ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า เหตุอุทกภัยน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ได้สร้างความเสียหายและส่งผลกระทบต่อลูกค้าและประชาชนทั่วไป ธนาคารออมสินจึงมีมาตรการบรรเทาความเดือดร้อน โดยผู้บริหารและพนักงานออกเยี่ยมเยียนประชาชนและลูกค้าพื้นที่ต่างๆ พร้อมกับสำรวจความเสียหายของลูกค้า ซึ่งเบื้องต้นแค่ 2 จังหวัดมีประมาณถึง 5,000 ครัวเรือนแล้ว พร้อมทั้งนำถุงยังชีพ/น้ำดื่มแจกจ่ายแล้วกว่า 5,000 ชุด/ขวด รวมถึงเข้าไปช่วยเหลือผ่านศูนย์ประสานงานช่วยเหลือตามจุดต่างๆ อีกด้วย ล่าสุดธนาคารฯ ช่วยเหลือด้านเงินกู้เป็นกรณีเร่งด่วน เพื่อแก้ไขและฟื้นฟูผู้ประสบภัย
ทั้งนี้ ธนาคารฯ ได้นำเสนอมาตรการผ่อนปรนการชำระหนี้ใก้กับลูกค้าสินเชื่อทุกประเภท คือ ระดับ 1 มีน้ำท่วมขังไม่เกิน 7 วัน ให้พักชำระเงินต้นโดยชำระแต่ดอกเบี้ยไม่เกิน 2 ปี ขยายเวลาชำระหนี้เท่ากับระยะเวลาพักชำระหนี้ ระดับ 2 มีน้ำท่วมขังเกินกว่า 7 วัน และมีค่าใช้จ่ายในการปรับปรุง/ซ่อมแซม ให้พักชำระเงินต้นโดยชำระแต่ดอกเบี้ย 50% ในระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี ระดับ 3 ทางราชการประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัย และลูกค้า(บุคคลธรรมดา)ได้รับผลกระทบที่พักอาศัย/สถานประกอบการเสียหายส่งผลให้รายได้ลดลง และ/หรือมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ธนาคารฯ ให้พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 3 เดือน หลังจากนั้นให้พักชำระเงินต้นโดยชำระแต่ดอกเบี้ยได้ไม่เกิน 3 ปี และขยายเวลาชำระหนี้เท่ากับระยะเวลาพักชำระหนี้ หรือ พักชำระเงินต้นโดยชำระแต่ดอกเบี้ย 50% ในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี ส่วนลูกค้าสินเชื่อธุรกิจ SMEs วงเงินกู้ไม่เกิน 50 ล้านบาท ให้ใช้มาตรการข้างต้นได้เช่นกัน สำหรับระยะเวลาการชำระหนี้ เช่น ลูกค้าสินเชื่อที่คำนวณดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) ให้ขยายระยะเวลาได้ไม่เกิน 2 เท่าของระยะเวลาคงเหลือตามสัญญาเงินกู้หรือสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ แต่ไม่เกิน 20 ปี ส่วนกรณีคำนวณดอกเบี้ยแบบคงที่ (Flat Rate) ให้คำนวณเงินงวดตามคำสั่งธนาคารฯ โดยให้ขยายระยะเวลาได้ไม่เกิน 2 เท่า ของระยะเวลาคงเหลือตามสัญญาเงินกู้หรือสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ แต่ไม่เกิน 10 ปี เป็นต้น
ขณะที่ลูกค้าสินเชื่อเคหะ ธนาคารฯให้กู้ซ่อมแซมต่อเติมส่วนที่เสียหายได้ 100% ของราคาประเมินเฉพาะที่จะซ่อมแซมต่อเติม แต่ไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1 = 0% ปีที่ 2-3 = 3% ต่อปี และ ปีที่ 4 เป็นต้นไป = MRR-0.75% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ย MRR ของธนาคารฯ ปัจจุบัน = 6.87% ต่อปี)
อย่างไรก็ตาม ผู้ประสบภัยสามารถติดต่อยื่นกู้เงินฉุกเฉิน “สินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากเหตุน้ำท่วมขัง/ภัยพิบัติ โดยให้กู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท ชำระเงินคืนเป็นรายเดือน ผ่อนชำระได้ 3-5 ปี แต่ 3 เดือนแรกไม่ต้องชำระ และธนาคารฯ ไม่คิดดอกเบี้ยในปีแรก หลังจากนั้นคิดดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 0.85 ต่อเดือน (Flat Rate) ใช้บุคคลค้ำประกันได้ไม่เกิน 2 คน มีอาชีพและรายได้แน่นอนตั้งแต่ 9,000 บาทขึ้นไปไม่น้อยกว่า 1 คน หรือใช้บัญชีเงินฝาก/สลากออมสินพิเศษ/อสังหาริมทรัพย์ หรือใช้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) โครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ค้ำประกัน ซึ่งธนาคารออมสินจ่ายค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2% ต่อปีของภาระค้ำประกันให้แก่ผู้กู้ตั้งแต่ปีที่ 2 เป็นต้นไปจนครบสัญญา
*** ธ.ก.ส.ช่วยเหลือเกษตรกรเต็มที่
นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดภัยพิบัติธรรมชาติจากพายุโซนร้อนโพดุล ส่งผลให้เกิดฝนตกชุกหนาแน่นในหลายพื้นที่ ซึ่งปริมาณฝนตกสะสมอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินถล่มและลมกระโชกแรง ส่งผลให้เกิดความเสียหายกับการเกษตร ตลอดจนทรัพย์สินที่อยู่อาศัยของลูกค้าและประชาชนทั่วไปนั้น ธ.ก.ส. มีความห่วงใยในสวัสดิภาพของผู้ประสบภัย จึงได้กำหนดแนวทางพร้อมกำชับให้ ธ.ก.ส. ในพื้นที่ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ดังนี้
กรณีฉุกเฉินเร่งด่วน ได้มอบหมายให้พนักงานในพื้นที่ออกเยี่ยมเยียนให้กำลังใจลูกค้า โดยนำเงินจากกองทุนบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประสบภัยธรรมชาติและภัยพิบัติของ ธ.ก.ส. ไปจัดหาถุงยังชีพเพื่อนำไปมอบให้เกษตรกรลูกค้าและประชาชนที่เดือดร้อน โดยเบื้องต้นได้ส่งถุงยังชีพช่วยเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดพิจิตร พิษณุโลก ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ยโสธร นครพนม ไปแล้วกว่า 20,000 ถุง และเข้าไปสนับสนุนศูนย์อพยพหรือจุดรวมพลต่างๆ เช่น จัดหาอาหาร น้ำดื่ม บริการสุขาเคลื่อนที่ เต็นท์สนาม รวมถึงการให้ความช่วยเหลือด้านอื่น ๆ เช่น ค่าเช่าเรือ ค่าเช่ารถบรรทุก ค่าแรงงาน เป็นต้น และหลังจากสถานการณ์คลี่คลายลงจะเร่งสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาพิจารณาให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูหลังประสบภัย เช่น การมอบเงินเพื่อสมทบทุนสร้างบ้านหลังใหม่ การซ่อมแซมทรัพย์สินของใช้จำเป็น การซ่อมแซมเครื่องจักรการเกษตร และค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดที่เกี่ยวเนื่องในการให้ความช่วยเหลือกรณีฟื้นฟูหลังประสบภัย
สำหรับการให้ความช่วยเหลือด้านภาระหนี้สินที่มีอยู่กับ ธ.ก.ส. กรณีที่เกษตรกรได้รับความเสียหายด้านการผลิตและส่งผลกระทบต่อรายได้ ธ.ก.ส.จะพิจารณาขยายระยะเวลาชำระหนี้ออกไปเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนตามความหนักเบาของผู้ประสบภัยทุกราย และพิจารณาให้สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน บรรเทาความเดือดร้อน ความจำเป็นในครัวเรือนและป้องกันการก่อหนี้นอกระบบ ไม่เกินรายละ 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0 ระยะ 6 เดือนแรก และสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิตสำหรับเกษตรกรลูกค้าผู้ประสบภัยธรรมชาติหรือภัยพิบัติตามความจำเป็นแต่ไม่เกินรายละ 500,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ย MRR -2 หรือเท่ากับร้อยละ 4.875 ต่อปี กำหนดชำระคืนไม่เกิน 15 ปี
ทั้งนี้ เพื่อให้เกษตรกรนำไปใช้เป็นค่าลงทุนในการสร้างหรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่ได้รับความเสียหาย หรือลงทุนซ่อมแซมโรงเรือนการเกษตร เครื่องมือ เครื่องจักรกลการเกษตรหรือฟื้นฟูการประกอบอาชีพการเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ดังนั้น หากเกษตรกรผู้ประสบความเดือดร้อนสามารถติดต่อ ธ.ก.ส.ในพื้นที่เพื่อขอรับการช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ได้ทันที
“เกษตรกรที่มีภาระหนี้สินกับ ธ.ก.ส. ขออย่ากังวลใจ ธ.ก.ส. พร้อมเข้าไปดูแลตามมาตรการการช่วยเหลือที่กำหนดไว้ รวมถึงพร้อมที่จะดำเนินการอื่น ๆ ตามที่รัฐบาลมีนโยบายให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมต่อไป” นายอภิรมย์กล่าว
*** ธอส.ออก 7 มาตรการเร่งด่วน
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตามที่หลายจังหวัดโดยเฉพาะ ในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุ “โพดุล” ซึ่งมีผลทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง และยังอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก จนส่งผลให้ที่อยู่อาศัยของประชาชนได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบในด้านรายได้และการประกอบอาชีพ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ จึงได้ประกาศมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับลูกค้าประชาชนที่ประสบอุทกภัย รวมถึงมาตรการฟื้นฟูภายหลังน้ำลดระดับลงด้วย “โครงการเงินกู้ที่อยู่อาศัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติปี 2562” ภายใต้กรอบวงเงินรวม 1,000 ล้านบาท โดยพิจารณาตามระดับความเสียหาย ซึ่งมีรายละเอียดประกอบด้วย
มาตรการที่ 1 สำหรับลูกค้าเดิมของ ธอส. กรณีหลักประกัน (ที่อยู่อาศัยที่จดจำนองกับธนาคาร) ของตนเองหรือคู่สมรสได้รับความเสียหายจากการประสบอุทกภัยสามารถขอลดอัตราดอกเบี้ยและเงินงวดผ่อนชำระ เดือนที่ 1-4 อัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี เดือนที่ 5-16 อัตราดอกเบี้ย 4.125% ต่อปี เดือนที่ 17-24 อัตราดอกเบี้ย 4.625% ต่อปี ปีที่ 3 อัตราดอกเบี้ย 5.625% ต่อปี และปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญาเงินกู้กรณีลูกค้าสวัสดิการ ดอกเบี้ยเท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไป ดอกเบี้ยเท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี กรณีกู้เพื่อชำระหนี้หรือซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกฯ ดอกเบี้ยเท่ากับ MRR (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ธอส. อยู่ที่ 6.625% ต่อปี)
มาตรการที่ 2 สำหรับลูกค้าใหม่ หรือลูกค้าเดิมของ ธอส. ที่หลักประกันของตนเองหรือคู่สมรสได้รับความเสียหายจากการประสบอุทกภัย สามารถขอกู้เพิ่มหรือกู้ใหม่ เพื่อปลูกสร้างอาคารทดแทนหลังเดิม หรือกู้ซ่อมแซมอาคารที่ได้รับความเสียหาย คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้คงที่ 3.00% ต่อปี นาน 3 ปี หลังจากนั้น กรณีลูกค้าสวัสดิการ คิดอัตราดอกเบี้ย MRR-1.00% ต่อปี ส่วนลูกค้ารายย่อย คิดอัตราดอกเบี้ย MRR-0.50% ต่อปี
สำหรับลูกค้าผู้ที่ต้องการยื่นกู้ตามมาตรการที่ 2 ธนาคารกำหนดวงเงินให้กู้ต่อรายไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อ 1 หลักประกัน และยังยกเว้นค่าธรรมเนียมในรายการที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ค่าตรวจสอบหลักประกัน ค่าประเมินราคาหลักประกัน ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ ค่าธรรมเนียมการขอเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และค่าธรรมเนียมการขอเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการกู้
มาตรการที่ 3 ลูกหนี้ที่หลักประกันได้รับความเสียหาย และกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ ให้ลูกหนี้ประนอมหนี้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี 4 เดือน คิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี 4 เดือนแรกไม่ต้องชำระเงินงวด จากนั้นเดือนที่ 5-16 อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน และเมื่อครบระยะเวลาประนอมหนี้ ให้ลูกหนี้กลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิเดิมก่อนที่จะใช้มาตรการนี้
มาตรการที่ 4 ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ ให้ประนอมหนี้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน และเมื่อครบระยะเวลาประนอมหนี้ ให้ลูกหนี้กลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิเดิมก่อนที่จะใช้มาตรการนี้
มาตรการที่ 5 ลูกหนี้ที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร ให้ผ่อนชำระโดยใช้อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี ตลอดระยะเวลาที่คงเหลือตามสัญญากู้
มาตรการที่ 6 กรณีที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลังและไม่สามารถซ่อมแซมได้ ให้ปลอดหนี้ในส่วนของราคาอาคาร และให้ผ่อนชำระต่อเฉพาะในส่วนของที่ดินที่คงเหลือเท่านั้น
มาตรการที่ 7 พิจารณาสินไหมเร่งด่วน (Fastrack) สำหรับลูกค้าที่ทำกรมธรรม์ประกันภัยอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัยซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติ รวมถึงกรณีน้ำท่วม หรือ ลมพายุ พิจารณาจ่ายค่าสินไหมให้กับลูกค้าที่เป็นผู้ประสบภัยทุกรายอย่างเร่งด่วนเป็นกรณีพิเศษ 15,000 บาท และหากประเมินความเสียหายของที่อยู่อาศัยแล้วพบว่าสูงกว่า 15,000 บาท หรือมีน้ำท่วมตัวที่อยู่อาศัยตั้งแต่ 100 เซนติเมตรขึ้นไป ลูกค้ามีสิทธิ์ได้รับค่าสินไหมตามจริงแต่ไม่เกิน 20,000 บาท
ทั้งนี้ ลูกค้าที่ประสงค์ขอรับบริการของ “โครงการเงินกู้ที่อยู่อาศัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติปี 2562” สามารถติดต่อได้ที่สาขาของ ธอส. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถึงภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2562 หรือภายใต้กรอบวงเงินที่ธนาคารกำหนด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ www.ghbank.co.th และ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะ