"โอบามา" ส่งสัญญาณลอยแพ"เบอร์นันเก้"จีบสหภาพยุโรปทำข้อตกลงกู้วิกฤติเศรษฐกิจ

วันพุธที่ 03 กรกฎาคม พ.ศ. 2556



"น้ำลายนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลาง แห่งสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา ต้องถือเป็น "สารพิษ" ที่มีอานุภาพบ่อนทำลายความมั่นคงระบบเศรษฐกิจโลกอย่างร้ายกาจ และถือเป็นการกระทำที่ไร้จริยธรรม จรรยาบรรณอันดีแห่งความเป็นผู้กุมชะตากรรมการเงินโดยสิ้นเชิง"

คำชี้แจงเพิ่มเติมของเบอร์นันเก้ ต่อสื่อมวลชน ว่าด้วยทิศทางและเงื่อนไขความต่อเนื่องของการใช้มาตรการคิวอี ซึ่งเป็นสาระสำคัญนอกเหนือจากที่ปรากฏอยู่ในเอกสารเผยแพร่ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความตื่นตระหนกแผ่ซ่านไปในตลาดทุนทั่วโลก และเป็นเหตุทำให้ดัชนีราคาหุ้นทั่วโลกทรุดฮวบลงอย่าง รุนแรง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายยับเยิน หลายแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

พฤติกรรมในลักษณะนี้ของเบอร์-นันเก้ หากมิได้มีสาเหตุมาจาก "ความซื่อบื้อ" กระทั่งหลงลืมสำนึกรับผิดชอบในฐานะประธานธนาคารกลาง ก็น่าจะมาจากเจตนาแอบแฝงที่ร้ายกาจในการ "ทิ้งทวน" สั่งลาตำแหน่ง ด้วยการ "พ่นพิษ" ถล่มตลาดหุ้น

สาระสำคัญระหว่างคำพูดของเบอร์นันเก้ ที่ชี้แจงผู้สื่อข่าว ซึ่งพยากรณ์เป็นตุเป็นตะให้เกิดการตีความว่าประมาณกลางปี 2557 มาตรการคิวอี มีแนวโน้มที่น่าจะยุติลง ทั้งๆ ที่ถึงตอนนั้นเบอร์นันเก้ ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งประธานธนาคารกลางแล้ว ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง

ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ต้องถือว่าสิ่งที่เบอร์นันเก้ ได้กระทำลงไป และบังเกิดผลเสียหายรุนแรงเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งแล้ว สมควรที่เขาต้องถูกลงโทษให้พ้นจากตำแหน่งไปโดยเร็ว ก่อนที่เขาจะก่อความเสียหายซ้ำขึ้นมาอีก หากยังใจดีปล่อยให้อยู่ในตำแหน่งต่อไปจนครบวาระในเดือนมกราคมศกหน้า

กรณีของเบอร์นันเก้ ไม่เพียงเป็นตัวการก่อเหตุวินาศกรรมตลาดหุ้นทั่วโลกเท่านั้น หากจะพินิจพิเคราะห์ผลงานในสมัยที่ 2 ของเขา ก็พอจะสรุปรวบยอดได้ว่า "ล้มเหลวสิ้นเชิง"

ประจักษ์พยานยืนยันความล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่ของเบอร์นันเก้ ที่ชัดเจนที่สุดคือการดำเนินมาตรการคิวอีที่ใช้ต่อเนื่องกันมาแล้วถึง 4 ปี ด้วยเม็ดเงินมากมายมหาศาลนับเป็นหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นการจ้างงาน รวมทั้งกระตุ้นเงินเฟ้อให้กระเตื้องขึ้น แต่จนแล้วจนรอดจนถึงป่านนี้ทุกอย่างยัง "สะลึมสะลือ" เหมือนคนเมาค้าง

ณ ขณะนี้แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจ แนวโน้มการจ้างงาน รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อ ยังมีอาการพะงาบๆ แต่พ่อเจ้าประคุณเบอร์นันเก้ ปั๊มเงินหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเติมเข้าไปในตลาดเรียบร้อยแล้ว โดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้นกับผลลัพธ์ความล้มเหลวที่เกิดขึ้น

สัญญาณชีพจรทางเศรษฐกิจที่อยู่ในขั้นน่าเป็นห่วง และฝากความไว้วางใจกับธนาคารกลางต่อไปได้ยาก ทำให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา จำเป็นต้องเคลื่อนไหว เพื่อประคับประคองระบบเศรษฐกิจให้กลับมามีชีวิตชีวา ด้วยการออกปากเชิญชวนผู้นำสหภาพยุโรปทั้งหลายให้ร่วมกันทำสนธิสัญญาว่าด้วยการค้าและการลงทุนระหว่างกัน เพื่อขยายมูลค่าการค้า การลงทุนให้โตขึ้น และหวังว่าจะไปผลักดันให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ และอัตราการจ้างงานดีขึ้นพร้อมๆ กัน ทั้งในสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป

ปฏิกิริยาตอบรับของผู้นำสหภาพยุโรป ต่อข้อเสนอของผู้นำสหรัฐอเมริกา ดูจะเป็นไปด้วยดี ถึงขั้นเห็นพ้องต้องกันที่จะจัดการประชุมร่วมนัดปฐมฤกษ์ขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้ ที่กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อหวังจะผลักดันให้สนธิสัญญาที่ว่านี้สำเร็จเรียบร้อย และพร้อมมีผลบังคับใช้ได้ภายในก่อนสิ้นสมัยของประธานาธิบดีโอบามาในอีก 3 ปีข้างหน้า

กระบวนการจัดทำสนธิสัญญาว่าด้วยการค้าและการลงทุนระหว่างกันของ 2 ขั้วอภิมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่มีความสำคัญที่สุดในโลก ดูจะมีข้อกังวลระหว่างกันอยู่ 2 ประเด็น

ประเด็นแรก เป็นความกังวลของฝ่ายสหภาพยุโรป ที่ตระหนักดีถึงความเสียเปรียบฝ่ายสหรัฐอเมริกา ในภาคธุรกิจด้านความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นทีวี ภาพยนตร์ หรือเพลง จึงแสดงท่าทีที่อยากจะให้ยกเว้นไม่บรรจุภาคธุรกิจนี้ไว้ในสนธิสัญญาที่จะจัดทำขึ้น

ประเด็นที่สอง เป็นความกังวลของฝ่ายสหรัฐอเมริกา ที่ตระหนักดีถึงความเสียเปรียบฝ่ายสหภาพยุโรป ในภาคธุรกิจการเกษตร จึงมีท่าทีที่ต้องการให้สงวนภาคธุรกิจนี้ไว้ ไม่ต้องบรรจุอยู่ในสนธิสัญญาที่จะจัดทำขึ้น

เมื่อใดก็ตามที่สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป ยอมแลกเปลี่ยนข้อเสียเปรียบระหว่างกันได้ เมื่อนั้นโอกาสที่สนธิสัญญาฉบับนี้จะบรรลุผลโดยเร็วก็มีอยู่สูง แต่ถ้าทั้ง 2 ฝ่ายยังตั้งแง่เกี่ยงงอนกันอยู่ โอกาสที่สนธิสัญญาฉบับนี้จะแท้งก็มีอยู่สูง


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ