เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานให้บริการเรือ สินค้า และตู้สินค้าผ่านท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.) ท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน (ทชส.) ท่าเรือเชียงของ (ทชข.) และท่าเรือระนอง (ทรน.) ว่า ในช่วงระยะเวลา 9 เดือน ประจำปีงบประมาณ 2562 (ต.ค.61-มิ.ย. 62) โดยเปรียบเทียบกับปีก่อน สรุปดังนี้ ทกท. เรือเทียบท่า 2,805 เที่ยว เพิ่มขึ้น 17.96% สินค้าผ่านท่า 16.063 ล้านตัน ลดลง 2.82% ตู้สินค้าผ่านท่า 1.086 ล้าน ที.อี.ยู. ลดลง 3.66%
ทลฉ. เรือเทียบท่า 8,229 เที่ยว ลดลง 6.10 % สินค้าผ่านท่า 68.009 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4.98% ตู้สินค้าผ่านท่า 6.081 ล้าน ที.อี.ยู. เพิ่มขึ้น 1.87 % ทชส. เรือเทียบท่า 2,093 เที่ยว ลดลง 10.94 % สินค้าผ่านท่า 172,574 ล้านตัน ลดลง 14.28 % ทชข. เรือเทียบท่า 715 เที่ยว เพิ่มขึ้น 30.24 % สินค้าผ่านท่า 44,027 ล้านตัน ลดลง 21.76 % ทรน. เรือเทียบท่า 257 เที่ยว เพิ่มขึ้น 10.78 % สินค้าผ่านท่า 110,911 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 78.45 %
สำหรับผลการดำเนินงานของ กทท. มีตู้สินค้าผ่านท่าทั้งที่ ทกท. และ ทลฉ. รวม 7.168 ล้าน ที.อี.ยู. รวมรายได้สะสม 3 ไตรมาส จำนวน 11,333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.61% จากปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มขยายตัวไม่มาก เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัวมาตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ปรับประมาณการไตรมาส 2 ปี 2562 เติบโตที่ 2.3% เทียบกับการขยายตัว 2.8% ในไตรมาสก่อนหน้า นับเป็นการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 19 ไตรมาส (นับจากไตรมาสที่ 4 ปี 2557)
จากสภาพเศรษฐกิจดังกล่าวส่งผลให้ภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือปัญหาภัยแล้งส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหายและมีปริมาณผลผลิตที่ลดลง สำหรับการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ขยายตัวลดลงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว รวมทั้งผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับสาธารณรัฐประชาชนจีน