Toggle navigation
วันอังคาร ที่ 24 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
"อังค์ถัด" เผยลงทุนโลกซบแต่แหล่งเลี่ยงภาษีเฟื่องฟู
"อังค์ถัด" เผยลงทุนโลกซบแต่แหล่งเลี่ยงภาษีเฟื่องฟู
วันเสาร์ที่ 06 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
Tweet
"อังค์ถัด" เผยเอฟดีไอปีนี้ มีปริมาณ 1.45 ล้านล้าน ลดลง 18% ไหลเข้ากลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ถึง 52% แซงหน้าชาติพัฒนาแล้วเป็นครั้งแรก หลังเศรษฐกิจยุโรป สหรัฐฯ และญี่ปุ่นมีปัญหา ขณะที่ดินแดนเลี่ยงภาษี อย่างหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน กลับเติบโต
นายวัชรัศมิ์ ลีละวัฒน์ รองผู้อำนวยการ วิชาการสถาบันระหว่างประเทศ เพื่อการค้าและพัฒนา หรือ ITD เปิดเผยรายงานการลงทุนประจำปี 2556 ขององค์ การสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรืออังค์ถัด โดยระบุว่า แนวโน้มกระแสเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI ของโลกในปีนี้ จะมีปริมาณ 1.45 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ใกล้เคียงจากปี 2555 ที่อยู่ 1.35 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากปี 2554 ประมาณ 18% โดยกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาสามารถดึงดูดการลงทุนได้ถึง 52% ของมูลค่าการลงทุน ทั้งหมด และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่มากกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว แม้ว่าเทียบกับปี 2554 เงินลงทุน FDI ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาจะลดลง 4% แต่ยังน้อยกว่ากลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วที่ลดลง ถึง 32% เนื่องจากเศรษฐกิจในยุโรป สหรัฐฯ และญี่ปุ่นมีปัญหาวิกฤติ
ขณะเดียวกัน ยังพบว่าแม้ว่าภูมิภาค ต่างๆ ในโลกจะมีเงินลงทุน FDI ปรับลดลง แต่ในภูมิภาคอาเซียนกลับมีเงินลงทุน เพิ่มขึ้น 2% โดยประเทศที่เป็นจุดสนใจของ นักลงทุนต่างชาติ คือ ประเทศกัมพูชา เวียดนาม และพม่า โดยเฉพาะพม่าที่มีการปฏิรูป ประเทศ และกฎหมายการลงทุน จึงสร้างความ มั่นใจให้กับนักลงทุนชาว ต่างชาติ และทั้ง 3 ประเทศดึงดูดนักลงทุนที่เป็นอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานฝีมือ เช่น สิ่งทอ เสื้อผ้า เนื่องจากมีค่าแรงที่ถูก
สำหรับการลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 10.6% โดยส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุน จากประเทศญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะที่นักลงทุนไทยก็ออกไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 44.9% คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุน 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2554 ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในประเทศอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย กัมพูชา ลาว โดยส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมเบา เช่น อาหาร เกษตร และสิ่งทอ
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการลงทุนโดยตรงจากทั่วโลกมีโอกาสปรับเพิ่มสูงขึ้น โดยคาดว่าในปี 2557 จะมีการลงทุน FDI เป็น 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และในปี 2558 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.8 ล้านล้าน ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น แต่ต้องระวังความอ่อนแอของโครงสร้างระบบการเงิน โอกาส ที่เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวอีก และความไม่แน่นอนในนโยบายสำคัญที่จะกระทบต่อ ความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน ที่อาจจะทำให้เงินลงทุนโดยตรงถดถอยลงไปอีก
ขณะเดียวกัน อังค์ถัด รายงานว่า ความพยายามสกัดบริษัทต่างๆ ไซฟ่อนเงินผ่านแหล่งเลี่ยงภาษี ยังไม่ประสบผลสำเร็จมากนัก เห็นได้จากศูนย์กลางการเงิน ที่เป็นเกาะ ได้รับเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (เอฟดีไอ) มากขึ้นเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากในช่วงที่การลงทุนในหลายประเทศลดลง มีประเทศหนึ่งที่การลงทุนเฟื่องฟู นั่นคือหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน ซึ่งมีประชากร 30,000 คน และได้รับการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติมากเป็นอันดับ 5 ของโลกเมื่อปีที่แล้ว คิดเป็นจำนวนเกือบ 65,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไล่เลี่ยกับบราซิล ซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับการ ลงทุนโดยตรงจากต่างชาติมากเป็นอันดับ 4 ของโลก ทั้งยังคิดเป็นเอฟดีไอที่มาก กว่าปี 2549 ถึง 10 เท่าเลยทีเดียว
รายงานระบุว่า เอฟดีไอที่ไหลเข้าบรรดาหมู่เกาะซึ่งเก็บภาษีในระดับต่ำหรือ ไม่เก็บภาษี พุ่งขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จากเฉลี่ย 15,000 ล้านดอลลาร์ช่วงปี 2543-2549 เป็นปีละ 75,000 ล้านดอลลาร์ช่วงปี 2550-2555 จนทำให้ประเทศที่เป็นแหล่งเลี่ยงภาษีมีสัดส่วนมากขึ้นในกระแสเอฟดีไอโลกที่ประมาณ 6% ขณะที่เอฟดีไอปกติลดลง
ในบรรดาสมาชิกยูโรโซนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด อาทิ เบลเยียม ซึ่งดึง ดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติได้ 103,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อปี 2554 แต่สูญเงินไปในปีที่แล้วเพราะนักลงทุนขายกิจการ ส่วนเนเธอร์แลนด์เจอสถานการณ์ ทำนองเดียวกัน ขณะที่ตัวเลขเอฟดีไอ 49,000 ล้านดอลลาร์ ของเยอรมนีเมื่อปี 2554 เหลือไม่ถึง 7,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อปีที่แล้ว
สำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติทั่วโลกนั้น ลดลง 18% เหลือ 1.35 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว และมีแนวโน้มจะอยู่ระดับใกล้เคียงกันในปีนี้ ส่วนปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ และเพิ่มเป็น 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2558
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ