นายชนัตถ์ สรไกรกิติกูล กรรมการ บริษัท พรีม่าโกลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า พรีม่า ถือเป็นผู้นำในด้านธุรกิจทองคำรูปพรรณ 99.9% เครื่องประดับเพชร และหัตถศิลป์ทองคำ 99.9% ที่ได้ดำเนินธุรกิจ มาจนขณะนี้ครบรอบ 27 ปี แล้ว แต่ด้วยเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลง และนวัตกรรมใหม่ๆ ประกอบกับความต้องการของผู้บริโภคหลากหลายมากยิ่งขึ้น บริษัทฯจึงตัดสินใจ ดึงผู้บริหารใหม่ร่วมทีม พร้อมรีแบรนด์ครั้งใหญ่ ด้วยงบการตลาดกว่า 50 ล้านบาท โดยจะทำการรวมสินค้าในเครือ 3 แบรนด์ ได้แก่ พรีม่าโกลด์, พรีม่าไดมอล และพรีม่าอาร์ท มาอยู่ภายใต้แบรนด์ "พรีม่า" เพียงอย่างเดียว เพื่อให้แบรนด์มีความทันสมัย สร้างการจดจำ และสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายขึ้น
นอกจากนี้ยังนำ ‘เบลล่า’ ราณี แคมเปน มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ คนแรกของพรีม่าอีกด้วย ตอบโจทย์ภาพลักษณ์ของผู้หญิงยุคใหม่ ที่สร้างคุณค่าด้วยความสามารถ มีความมั่นใจ และประสบความสำเร็จ เพราะเราต้องการสร้างการจดจำของแบรนด์ขยายไปยังลูกกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่เป็นคนยุคใหม่มากขึ้นที่มีอายุราว 25 ปีขึ้นไป จากฐานลูกค้าเดิมส่วนใหญ่จะมีอายุตั้งแต่ 40 ปี ซึ่งมีมากถึง 50%
ด้าน นายชาญวิทย์ เขียวนาวาวงศ์ษา กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีม่าโกลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวเสริมว่าปัจจุบันตลาด Fine Jewelry หรือเครื่องประดับที่ผลิตจากอัญมณีแท้ในประเทศไทยมีมูลค่ารวมกว่า 72,300 ล้านบาท เฉพาะร้านขายเครื่องประดับทอง และเพชร ในห้างสรรพสินค้า ในประเทศไทยมีมูลค่าราว 5,200 ล้านบาท โดยพรีม่ามีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 15-20% สำหรับทิศทางการทำการตลาดในอนาคตนอกเหนือจากจุดแข็งทางด้านสินค้าของพรีม่า ที่เป็นบริษัทในเครือของ บริษัท แพรนด้า จิวเวลลี่ จำกัด(มหาชน) บริษัทรับออกแบบและผลิตเครื่องประดับชั้นนำระดับโลก ยังมุ่งเน้นด้าน การสร้างแบรนด์ภายใต้แบรนด์ ‘PRIMA’ เพื่อให้เป็นแบรนด์จิวเวลรี่ชั้นนำที่ลูกค้าไว้วางใจ รวมถึงยังมุ่งเน้นการเสริมการให้บริการกับลูกค้าด้วยจุดจำหน่ายที่ครอบคลุมพร้อมบริการหลังการขายที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค นอกจากนี้ยังมุ่งขยายฐานลูกค้าในวงกว้าง รวมถึงคนรุ่นใหม่ผ่านการสื่อสารการตลาดของแบรนด์ และสินค้าที่ตอบโจทย์ Lifestyle คนรุ่นใหม่มากขึ้น
อีกทั้ง จะมีการเพิ่มบริการในร้านค้าจากปัจจุบันมีอยู่ 71 สาขา แต่มีเพียง 19 สาขา เท่านั้นที่จำหน่ายสินค้าได้ครอบคลุมทั้ง 3 แบรนด์ โดยสิ้นปีนี้บริษัทจึงตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 50 สาขา สำหรับยอดขายปีนี้ตั้งเป้าว่าจะอยู่ที่ราว 900 ล้านบาท หรือเติบโต 10% และตั้งเป้ายาวไปอีก 3 ปีนับจากนี้ หลังจากการรีแบรนด์และขยานฐานลูกค้าคาดว่าจะดันรายได้เพิ่มเป็น 2,000 ล้านบาท ได้อย่างแน่นอน
