ชาวโครเอเชีย ตั้งความหวังการเข้าเป็นสมาชิกประเทศที่ 28 ของอียู ฉุดเศรษฐกิจประเทศดีขึ้น ดึงนักท่องเที่ยว เข้าประเทศ พร้อมแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นและอาชญากรรม ก่อนปูทางร่วมกลุ่มยูโร โซน ที่ใช้สกุลเงินยูโร และร่วมเป็นภาคีข้อตกลงเชงเก้น

การร่วมฉลองโครเอเชียเข้าเป็นสมาชิก ของสหภาพยุโรป (อียู) ลำดับที่ 28 อย่างเป็นทางการ เกิดขึ้นที่จัตุรัสใจกลางกรุง ซาเกร็บ ตั้งแต่ตอนกลางคืนของวันอาทิตย์ ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีชาวโครเอเชีย 20,000 คน และแขกผู้มีเกียรติจากยุโรปกว่า 100 คน พร้อมทั้งนายโฮเซ มานูเอล บาร์รอสโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี)

นายบารอสโซ กล่าวในฐานะประธาน ในพิธีท่ามกลางประชาชนกว่า 20,000 คน ต้อนรับ ทันทีที่เข็มนาฬิกาบอกเวลา 00.00 น. วันที่ 1 ก.ค. ก่อนที่ประธานาธิบดีดาเลีย กิโบสเกต ผู้นำหญิงแห่งลิธัวเนีย เป็นผู้มอบ เสื้อยืดสัญลักษณ์อียูให้แก่ ประธานาธิบดี อิโว โจซิโปวิค แห่งโครเอเชีย ตามด้วยการจุดพลุและบรรเลงดนตรีเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลโครเอเชียนำป้ายสัญลักษณ์ "อียู" ไปติดตั้งบนพรมแดนที่ติดกับเซอร์เบีย อีกหนึ่งประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรยูโกสลาเวียเช่นกัน ซึ่งอียูมีกำหนดเจรจาร่วมกับทางการเซอร์เบียภายในต้นปีหน้า เกี่ยวกับการยื่นเรื่องขอเป็นสมาชิกในโอกาส ถัดไป

ส่วนที่เมืองอื่นๆ ทั่วโครเอเชียมีฝูงชน โบกธงชาติโครเอเชียและธงประจำอียู ขณะร่วมกันนับถอยหลังอย่างยินดี ท่ามกลาง การบรรเลงเพลง Ode to Joy ของบีโธเฟน ซึ่งเป็นเพลงประจำอียู

ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า สนามกีฬา "อลีแอนซ์ อรีนา" สนามฟุตบอลเหย้าของสโมสร "บาเยิร์น มิวนิค" และ "เทเอสเว 1860 มิวนิค" ในเยอรมนี ได้เปลี่ยนไฟ อัฒจรรย์เป็นสีแดงสลับขาว ซึ่งเป็นสีของธงชาติโครเอเชีย เพื่อแสดงการต้อนรับสมาชิกใหม่ล่าสุดของสหภาพด้วย

โดยชาวโครเอเชีย ตั้งความหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การได้รับเกียรติให้เข้าเป็นส่วน หนึ่งของอียู จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการ ท่องเที่ยวของประเทศให้กระเตื้องขึ้นได้ หลังสถิติของอียูระบุว่า โครเอเชียซึ่งมีประชากรราว 4.2 ล้านคน เป็นหนึ่งในประเทศ ยากจนที่สุดของสหภาพยุโรป ด้วยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ต่ำกว่าเกณฑ์ของอียูถึง 39% โดยสูงกว่าโรมาเนีย และบัลแกเรียเท่านั้น เศรษฐกิจโครเอเชียหยุดนิ่งหรือถดถอยตลอด 4 ปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราว่างงานสูงถึง 20% รวมถึง การบริหารประเทศไร้ประสิทธิภาพ อาจทำให้โครเอเชียต้องตกอยู่ในภาวะที่ยากลำบากในการเข้าร่วมกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป และมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศในแต่ละปี 10 ล้านคน

โครเอเชียเป็นประเทศที่ผ่านสงคราม นองเลือดระหว่างปี 2534-2538 ในการแยกตัวเป็นเอกราชจากยูโกสลาเวียเมื่อเกือบ 2 ทศวรรษก่อน ถือเป็นประเทศที่ 2 ในอดีตสหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสลาเวียที่เข้าร่วมสหภาพยุโรป ก่อนหน้านี้ คือ สโลวาเนีย ที่เข้าร่วมในปี 2547 เวลานี้มีรัฐบาลสายกลาง ซ้ายปกครองอยู่ ซึ่งรัฐบาลคาดการณ์ว่า การเข้าเป็นสมาชิกอียูจะช่วยดึงดูดการลงทุน จากต่างชาติ และกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเงิน ช่วยเหลือ 11,700 ล้านยูโร

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสหภาพยุโรปกำลังประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจและความ มั่นคง ทำให้เกิดการแบ่งแยกภายใน และไม่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศในกลุ่มสมาชิกด้วยกันเอง

ชาวโครเอเชียบางส่วนที่สนับสนุนอียู เห็นว่า การเข้าอียูจะทำให้มีการจ้างงานมาก ขึ้น และจะมีการลงทุนจากต่างประเทศมาก ขึ้น และผู้บริหารอียูอาจช่วยกำจัดคอร์รัปชั่น และเปลี่ยนแปลงการบริหารเศรษฐกิจในโครเอเชียให้ดีขึ้นได้ แต่ผู้ประท้วงมองว่า อียูไม่ใช่หนทางแก้ปัญหา เพราะอียูก็ยังเผชิญกับเศรษฐกิจถดถอยโดยหลายประเทศประสบวิกฤติหนี้ และเศรษฐกิจที่ซบเซาในอียู ก็ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของโครเอเชีย ที่เคยส่งออกสินค้ามากถึง 60% ไปยังอียู

นอกจากนี้ มีรายงานว่า เนื่องจากโครเอเชียมีปัญหาคอร์รัปชั่นและอาชญากรรม มากจึงยังไม่สามารถเข้าร่วมกลุ่ม ยูโรโซนที่ใช้สกุลเงินยูโรได้ และ ยังไม่อาจเข้าร่วมเป็น ภาคีของข้อตกลงเชงเก้น ที่อนุญาตให้ประชาชนในประเทศสมาชิกเดินทาง เข้าออกระหว่างกันโดยไม่ต้องใช้หนังสือเดินทาง