ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เดินหน้าเปิด5โครงการใหม่ มูลค่า3,500ล้านบาท พร้อมปักธงรุกตลาด EEC เพิ่ม

วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เดินหน้าเปิด5โครงการใหม่ มูลค่า3,500ล้านบาท พร้อมปักธงรุกตลาด EEC เพิ่ม


นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี” เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลัง 2562 ว่า บริษัทฯ จะเดินหน้าพัฒนาโครงการแนวราบเป็นหลัก เน้นเจาะไปยังตลาด Real Demand โดยเน้นทำเลที่มีการพัฒนาเครือข่ายคมนาคม , แหล่งงาน และ ชุมชนเป็นหลักเพราะมั่นใจว่าจะมีการเติบโตจากปัจจุบันสู่อนาคต ซึ่งบริษัทฯ ได้ดำเนินการพัฒนาและวางแผนพัฒนาโครงการใหม่ 5 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 3,500 ล้านบาท ปัจจุบันเริ่มดำเนินการขายไปแล้วรวม 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการ Lalin Town อ่อนนุช – สุวรรณภูมิ , Lalin Town รังสิต – คลอง 2  , Lio Bliss รังสิต – คลอง 4 , Lio Bliss เพชรเกษม 81/2 และจะทยอยเปิดขายอีก 1 โครงการ ได้แก่ Lio Bliss ปลวกแดง – มาบยางพร เพื่อรองรับความต้องการศักยภาพที่มีอยู่จริงในตลาด ณ ปัจจุบันเป็นหลัก ทั้งนี้ กลยุทธ์การตลาดที่ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จะนำมาใช้เพื่อสร้างความแข็งแกร่งยังคงสานต่อจากปีที่ผ่านมาโดยมุ่งเน้นตลาดแบบ Real Demand โดยมุ่งเน้นตลาดเชิงรุก และ ใช้ Insight Customer ทั้งด้านออนไลน์และออฟไลน์มาร์เก็ตติ้ง ตลอดจนการทำ CRM อย่างต่อเนื่องโดยผนึกกำลังกับแบรนด์ชั้นนำเพื่อมอบสิทธิประโยชน์พิเศษแก่ลูกบ้านของลลิล เพื่อเพิ่มความสะดวกในทุกการใช้ชีวิตและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมโดยนำการออกแบบ แบบ Eco Living มาประยุกต์ใช้ นับเป็นอีกหนึ่งในค่านิยมหลัก (Core value) ที่ให้ความสำคัญกับคุณค่าของเครือข่ายและพันธมิตรในการสร้างความสำเร็จของธุรกิจควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกบ้านอย่างยั่งยืน

“จากการนำเสนอโครงการใหม่สู่ตลาดตั้งแต่ต้นช่วงต้นไตรมาส 2 ของปี 2562 ทำให้เห็นชัดว่า ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เดินมาถูกทาง ดังนั้น เราจะเดินหน้าพัฒนาโครงการแนวราบในย่านที่มี Blue print ของความเป็นเมืองหรือชุมชนศักยภาพที่พร้อมจะเติบโตสู่การเป็นย่านเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่งทำเลหลักยังเป็นเขตรอบของกรุงเทพฯ ทั้งโซนทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันออกเป็นหลัก รวมถึงพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่ครอบคลุม 3 จังหวัดคือ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองวิสัยทัศน์เชิงนโยบาย Thailand 4.0 ซึ่งโครงการนี้ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นพัฒนาเพียงด้านเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงด้านโครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรม เทคโนโลยี และที่อยู่อาศัย จึงถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่นำร่องในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาขนส่งระบบรางและการบินที่ทันสมัย สนับสนุนนวัตกรรมเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมที่มีประสิทธิภาพ อาทิ โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังและมาบตาพุดโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการพัฒนาเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล เป็นต้น จากแผนการพัฒนาดังกล่าวทำให้มีประชากรเพิ่มขึ้นในพื้นที่เฉลี่ย 8-10%ต่อปี และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่องในอนาคต ส่งผลให้ผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งไทยและต่างชาติ เข้ามาพัฒนาโครงการใหม่ๆ กันมากขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวของเมืองที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว และมีปริมาณแรงงานคุณภาพที่ย้ายถิ่นฐานมาในโซนดังกล่าวพร้อมความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีมากขึ้น นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กล่าวถึงทิศทางการพัฒนาโครงการ

“ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยในปี 2562 คาดว่ายังคงมีทิศทางที่เป็นบวกในครึ่งปีหลัง แต่อัตราการปรับตัวอาจอยู่ในกรอบที่ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากตลาดที่อยู่อาศัยที่ยังคงมีอุปทานคงเหลือในหลายพื้นที่ โดยการเติบโตจะเห็นชัดเจนในพื้นที่ที่ประชาชนมีกำลังซื้อ เช่น กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงจังหวัดเขตเศรษฐกิจและเริ่มขยายไปยังจังหวัดรองที่สำคัญ ส่วนใหญ่ที่อยู่อาศัยจะกระจายตัวออกไปจากอุปทานของที่ดินที่ยังมีอยู่จำนวนมาก และมุ่งเน้นเจาะไปที่กลุ่ม Real demand เป็นสำคัญเพื่อปลดล็อคปัญหา LTV โดยการพัฒนาโครงการส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นจะอาศัยแรงบวกจากนโยบายภาครัฐที่ชัดเจนคือ การลงทุนขนาดใหญ่ในพื้นที่เฉพาะเช่นพื้นที่ EEC ที่กำลังเติบโตอย่างน่าจับตา” นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บมจ. ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวสรุป



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ