สมรภูมิธุรกิจสมาร์ทโฟน ในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ของโลกที่มีมูลค่ามหาศาลถึง 358,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กำลังก้าวสู่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่อยอดจำหน่ายของ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ที่สุดคือไอโฟน ของค่ายแอปเปิล กับแกแลคซี่ ของค่ายซัมซุง เกิดอาการถดถอยในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา

นักวิเคราะห์ธุรกิจจาก 2 สำนักใหญ่ ได้แก่เจ.พี.มอร์แกน และมอร์แกนสแตนลีย์ ต่างเห็นตรงกันว่ายอดขายแกแลคซี่ ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนตระกูลซัมซุง ลดต่ำลงร้อยละ 9.7 และยอดขายไอโฟน ตระกูลแอปเปิล หดตัวลงร้อยละ 9.4 ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้

เหตุปัจจัยสำคัญที่ฉุดกระชากยอดขายให้ทรุดฮวบลง มีอยู่เพียงประการเดียวคือ ลูกค้าที่เป็นขาประจำของทั้งแกแลคซี่ และไอโฟน ล้วนมองเห็นว่าสมาร์ทโฟนของทั้ง 2 ค่าย ขาดการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่สร้างแรงจูงใจให้เกิดอารมณ์อยากซื้อ

กรณีของซัมซุง ที่แม้จะวาดหวังว่าแกแลคซี่ เอส-4 ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่แกะกล่อง จะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากบรรดาสาวกซัมซุงทั้งหลาย กลับถูกหมางเมินอย่างน่าประหลาดใจ

ต้นสายปลายเหตุที่เหล่าสาวกซัมซุงแกแลคซี่ พากันเบือนหน้าหนีหายจากแกแลคซี่เอส-4 เป็นเพราะว่าไม่สามารถรู้สึกรับรู้ถึงความสดใสของนวัตกรรมในแกแลคซี่เอส-4

ความเฉยเมยของลูกค้าต่อกำเนิดใหม่ของแกแลคซี่เอส-4 แผ่อิทธิพลทุบยอดรายได้ของซัมซุงให้หล่นตุ้บลงมาอย่างรุนแรง ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ความเสื่อมทรุดของรายได้ และยอดขายของซัมซุง ทำให้ เจ.พี.มอร์แกน และมอร์แกนสแตนลีย์ ต้องทบทวนแนวโน้มผลการดำเนินงานซัมซุงใหม่

ผลลัพธ์การคิดคำนวณใหม่ จากข้อมูลใหม่ที่เกิดขึ้น ในส่วนของค่ายเจ.พี.มอร์แกน คือการปรับลดแนวโน้มผลกำไรลงร้อยละ 9 และปรับลดประมาณการยอดจำหน่ายลงจาก 80 ล้านเครื่อง มาเหลือแค่ไม่เกิน 60 ล้านเครื่อง

ทำนองเดียวกันค่ายมอร์แกนสแตนลีย์ ก็ ปรับลดประมาณการผลกำไรลงร้อยละ 1.6 พร้อมๆ กับปรับลดประมาณการยอดจำหน่ายลงจาก 71 ล้านเครื่อง มาเหลือ 61 ล้านเครื่อง

สวนทางกับผลประกอบการที่ถดถอยลงของซัมซุง และแอปเปิล จากยอดจำหน่ายที่แย่ลงของแกแลคซี่ และไอโฟน คือการเติบโตของสมาร์ทโฟนราคาย่อมเยาแค่เครื่องละ 100 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,000 บาท แต่มีขีดความสามารถคุ้มค่าเกินราคาจากประเทศจีน

สมาร์ทโฟนราคาประหยัด สัญชาติจีนทั้งหัวเหว่ย แซดทีอี และเลอโนโว ล้วนมียอดขายที่งอกงามขึ้นอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ

ปฏิกิริยาผู้บริโภค ที่ให้การตอบรับสมาร์ทโฟนราคาประหยัดมากขึ้น แต่ตีตัวออกห่างจากสมาร์ทโฟนราคาแพง น่าจะเป็นรูปธรรมบ่งชี้ถึงอาการป่วยทางเศรษฐกิจที่ยังคงเรื้อรังอยู่ในหลายพื้นที่ทั่วโลก

อาการอ่อนแอทางเศรษฐกิจที่ยังคงคุกคามความมั่นคงของระบบเศรษฐกิจโดยไม่มีข้อยกเว้นแม้กระทั่งประเทศอังกฤษ ทำให้รัฐบาลอังกฤษภายใต้การนำของ เดวิด คาเมรอน จำเป็นต้องแสวงหาสุดยอดฝีมือมาทำหน้าที่กำกับและขับเคลื่อนนโยบายการเงิน ในฐานะผู้ว่า การธนาคารแห่งชาติอังกฤษ โดยยอมสู้ค่าตอบแทนที่สูงลิบลิ่วเป็นที่สุดในโลก

"มาร์ค คาร์นีย์" อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติแคนาดา คือบุคคลที่รัฐบาลอังกฤษตกลงว่าจ้างให้ทำหน้าที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติคนใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ด้วยอัตราค่าตอบแทนที่สูงที่สุด ในบรรดาผู้ว่าการธนาคารกลางทั่วโลก ที่เดือนละ 1,300,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 39 ล้านบาท ทำลายสถิติสูงสุดที่ "นอร์แมน ชาน" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารนโยบายการเงินแห่งฮ่องกงเคยได้รับเดือนละ 1,200,000 ดอลลาร์สหรัฐ

อัตราผลตอบแทนที่ มาร์ค คาร์นีย์ ในฐานะผู้ว่า การธนาคารแห่งชาติอังกฤษได้รับเหนือกว่าอัตราผลตอบแทนเดือนละ 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ ของ เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา และเหนือกว่าอัตราผลตอบแทนเดือนละ 488,000 ดอลลาร์สหรัฐ ของมาริโอ ดักฮี ประธานธนาคารกลางแห่งยุโรปหลายเท่าตัว