นางสาวสิริวรรณ นิจกิจจาทร ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจ Personal Health บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่า“ในปัจจุบัน เราพบว่าเทรนด์เรื่องการรักสุขภาพกำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ไปพร้อมๆ กับการขยายตัวของสังคมเมือง และการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ ดังนั้น ผู้บริโภคชาวไทย จึงเริ่มหันมาใส่ใจกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น พร้อมๆ กับการมองหานวัตกรรมที่จะมาช่วยให้พวกเขาดูแลสุขภาพได้มากขึ้น และอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันไปพร้อมๆ กัน
ดังนั้น จึงทำให้คาดว่าภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กช่วงครึ่งปีหลังที่เหลือนี้น่าจะยังคงสดใส ประกอบกับเป็นช่วงไฮซีซั่นมีเทศกาลปลายปีมากมายน่าจะส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคคึกคัก จึงคาดว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กทั้งปีนี้จะมีมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท เติบโตประมาณ 17% จากมูลค่า 18,000 ล้านบาท เมื่อปี 2561 และสูงกว่าปกติที่เติบโตเฉลี่ยปีละ 4-8%
ช่วงครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยบวกจากกระแสสุขภาพและสภาพสังคมสูงวัยที่กระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีจุดขายด้านสุขภาพ รวมถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภครุ่นใหม่ซึ่งยอมลงทุนเพื่อความสะดวก อีกทั้งยังมีไฮซีซั่นช่วงเทศกาลปลายปี จึงคาดว่าตลาดจะปิดปีด้วยมูลค่าประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท เติบโตประมาณ 17% จากมูลค่า 18,000 ล้านบาท เมื่อปี 2561 และสูงกว่าปกติที่เติบโตเฉลี่ยปีละ 4-8% โดยถ้าพูดถึงภาพในช่วง 6 เดือนแรกตลาดมีการเติบโตของตลาดในเชิงมูลค่าถึง 20% หรือมีมูลค่าประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเห็นได้จากกลุ่มสินค้าในตลาดกลาง-บน ยังมีกำลังซื้อที่เติบโตได้ดี
สำหรับตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก แบ่งตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ ดังนี้ กลุ่มเครื่องดูดฝุ่น มีมูลค่า 1.54 พันล้านบาท เติบโต 11% กลุ่มเตารีดมีมูลค่า 1.73 พันล้านบาท ไม่เติบโต กลุ่มเครื่องผสมอาหารและเครื่องปั่นมีมูลค่า 1.62 พันล้านบาท เติบโต 1% กลุ่มหม้อหุงข้าว มีมูลค่า 2.7 พันล้านบาท เติบโต 2% กลุ่มไดร์เป่าผม เครื่องหนีบผม และเครื่องโกนหนวด มีมูลค่าตลาด 560 ล้านบาท ติดลบ 5% ขณะที่กลุ่มเครื่องฟอกอากาศ มูลค่าตลาดครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีมูลค่า 2.3 พันล้านบาท เติบโตสูงสุดในกลุ่มที่ 155% อานิสงส์จากช่วงต้นปีที่ไทยเผชิญกับสถานการณ์ค่าฝุ่นในไทย 2.5 ppm เกินค่ามาตรฐาน
ล่าสุด ในช่วงครึ่งปีหลังที่เหลือนับจากนี้ บริษัทจะเน้นทำกิจกรรมการตลาดที่กระตุ้นให้ผู้บริโภคเลือกสินค้าที่ทำให้การเป็นอยู่ดียิ่งขึ้น และมีสุขภาพดีขึ้น รวมถึงสะดวกสบายขึ้น ตามแนวโน้มผู้บริโภคที่ปัจจุบันให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพ พร้อมๆ กับการขยายตัวของสังคมเมือง และการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้มองหานวัตกรรมที่จะมาช่วยดูแลสุขภาพ โดยจะมีการสื่อสารการตลาดไปยังลูกค้าเป้าหมายผ่าน 4 ผลิตภัณฑ์เรือธงของฟิลิปส์ ประกอบด้วย หม้อทอดอากาศ Philips AirFryer,เครื่องปั่นความเร็วสูงระบบสุญญากาศ , เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Philips SpeedPro Max Aqua และ เตารีดแรงดันไอน้ำอัจฉริยะ Philips PerfectCare Elite Plus ภายใต้แคมเปญ ‘Experience The Best’ ซึ่งเป็นกิจกรรมการตลาดที่มุ่งไปที่ช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ไม่ว่าจะทำคลิปวีดิโอลงยูทูบ เฟซบุ๊ก หรืออินฟลูเอ็นเซอร์ และบล็อกเกอร์ เพื่อผลักดันยอดขายในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยมั่นใจว่ากลยุทธ์และแคมเปญนี้จะช่วยให้ยอดขายของบริษัทเติบโตมากกว่า 10% สูงกว่าปีที่แล้วซึ่งเติบโตประมาณ 10% ตามเป้าที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน
