กว่า 30 ปี ที่ ภก.ทวีศักดิ์ สีทองสุรภณา อยู่ทำงานในแวดวงสินค้าสุขภาพและยา กับความเป็น "เภสัชกร" มีโอกาสทำงานในตำแหน่งผู้บริหารของธุรกิจและองค์กรทั้งในและต่างประเทศ ก่อนจะผันตัวเองสู่เส้นทาง “เภสัชเกษตร”

“ความคิดตอนนั้นเมื่อเราคิดถึงเรื่องสุขภาพเราคิดถึงเรื่องยาทันที พอมาระยะหลังเมื่อมาวิเคราะห์ดูพบว่า ยาหลายตัวนำโครงสร้างจากธรรมชาติมาผลิตยา ดังนั้น จึงคิดว่า เมื่อเริ่มจากสารธรรมชาติ ทำไมไม่เริ่มจากพืชผลทางการเกษตร ซึ่งเป็นความคิดในช่วงที่ยังไม่เกษียณ เมื่อเกษียณ ก็ตัดสินใจซื้อที่ดินแปลงหนึ่งที่จังหวัดใหม่”ภก.ทวีศักดิ์ กล่าวถึงจุดเริ่มต้น

เมื่อมีที่ดินตามที่ตั้งใจไว้ ตามสูตรของคนวัยเกษียณคือ ต้องการพื้นที่ทำการเกษตรเล็กๆ น้อยๆดั่งภาพฝันไว้ อย่างที่เคยเห็นในละครหลังข่าวแต่เมื่อถึงเวลาภาพความสวยงามที่ว่าไว้ไม่ได้เป็นดั่งฝัน เพราะว่า การจะเริ่มทำเกษตรนั่นไม่ใช่เรื่องงาน โดยเฉพาะพื้นที่สูง แต่ว่า ภก.ทวีศักดิ์ กลับโชคดีที่มีชาวบ้านมาขอเช่าที่ดินทำการเพาะปลูก

“ตอนที่เขามาขอเช่าที่ดิน ผมตั้งเงื่อนไขว่า ต้องปลูกพืชอินทรีย์ ไม่ใช้สารเคมี ต้องไม่ปลูกข้าวโพด ห้ามปลูกอ้อย เพราะต้องเผา เพื่อปลูกใหม่ แต่เขาบอกว่า เขาจะปลูกงาดำ ซึ่งตอนนั้นผมไม่มีความรู้เรื่องงาดำเลย จนมีกระแสว่า งาดำช่วยเรื่องโรคมะเร็งได้ ผมจึงศึกษาค้นคว้าอย่างจริงจัง”

จากการค้นคว้างานวิจัยจากประเทศทำให้ ภก.ทวีศักดิ์ พบว่า ใน 10 งานวิจัย จะมีเพียง 1-2 งานวิจัยที่ตอบโจทย์เรื่องการรักษามะเร็ง แต่ก็ไม่ได้ดีมาก ทำให้พบคำตอบบางอย่างที่บ่งบอกว่า ผู้บริโภคเชื่อตามกระแสไม่รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร นี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิด “เภสัชเกษตร” หรือ “ฟาร์มา ฟาร์เมอร์”

“ทำไมเราไม่เอาความรู้เรื่องเภสัชกับการเกษตรมาผนวกกัน เพราะระหว่างการศึกษาพบว่า ในงาดำมีสารช่วยเรื่องไขข้อ กระดูกเยอะมา มีสารสำคัญหลายตัว”

จากนั้นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ ภก.ทวีศักดิ์ ต้องหันกลับมามองเรื่องนี้อย่างจัง เกิดขึ้นหลังเข้ารับการผ่าตัดหัวใจ เพราะเป็นโรคไขมันในเส้นเลือดสูง ทำให้เกิดความคิดจะใช้งาดำรักษาอาการ ด้วยความเป็นเภสัชกร จึงต้องส่งงาดำที่ปลูกในไร่ ส่งห้องแล็ป เพื่อตรวจหาสารสำคัญ แต่ผลกลับพบสารสำคัญน้อยมากทำให้ต้องหยุดแนวคิดไว้ แต่สุดท้ายด้วยคำแนะนำจากเพื่อนให้ส่งตรวจอีกครั้ง เพราะครั้งแรกไม่ได้หีบน้ำมันงาทันที ซึ่งเป็นจริงตามคำแนะนำ

“ครั้งที่สองที่ผมส่งแล็ปผลปรากฏว่า ผลออกมาแตกต่างกันมาก ครึ่งต่อครึ่ง ทำให้มั่นใจว่า งาดำ มีสารช่วยลดไขมันในเส้นเลือด จากนั้นลงมือทำเองในทุกขั้นตอน พร้อมเรียนรู้จากเกษตรกรที่เช่าที่ดินทั้งการปลูก การบำรุงรักษา รวมทั้งการหีบงา”

ในที่สุดปีที่ 3 ผลิตภัณฑ์น้ำมันงา ก็ออกสู่ตลาด ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยใช้เป็นตัวร่วมกับการรักษาตามหลักการแพทย์แผนปัจจุบัน โดยการใช้ร่วมกับการรักษาตามหลักการแพทย์แผนปัจจุบัน โดยการใช้ร่วมกันจะช่วยให้ผู้ที่ใช้สามารถปรับการใช้ยาแผนปัจจุบันได้อย่างสมเหตุสมผลยิ่งขึ้น และไม่ใช้ยามากเกินความจำเป็น จนอาจมีผลในเรื่องฤทธิ์ข้างเคียงได้

ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ดูแลเฉพาะจุดออกมา 2 ตัว คือ Magicus Col น้ำมันงาดำสกัดเย็นบริสุทธิ์ปลอดสารพิษ ที่อุดมด้วย Lignan และ Omega ที่ช่วยเรื่องความดันและหลอดเลือด ช่วยลดระดับ LDL ไขมันร้าย เพราะมีสาร Sesamin, Sesamolin ที่จะช่วยในเรื่องช่วยลดอาการข้อกระดูกอักเสบ และสามารถใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบันได้ (ยกเว้นในผู้ป่วยที่ใช้ยา warfirin) และ Magicus Bond ออกมาเพื่อดูแลสุขภาพของกระดูกเสื่อม กระดูกพรุน ข้อเข่าอักเสบ ปวด โดยเฉพาะ อย่างปลอดภัย

ปัจจุบัน ภก.ทวีศักดิ์ ได้ตั้งบริษัท Magicus Health and Beauty Care ขึ้นมา เพื่อเป็นหน่วยงานดำเนินธุรกิจให้กับสินค้าที่มาจาก Moonrise Farm เป็นหลัก และยังค้นคว้าเพื่อหาสิ่งดีๆ จากธรรมชาติในไร่ ด้วยการศึกษาจากงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ เพื่อมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ และความงามตามปรัชญาของบริษัท คือ "เผยศาสตร์แห่งคุณค่าจากธรรมชาติรอบตัวเพื่อสุขภาพของมวลชน”